วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

--> ความรู้คู่สุขภาพ & ความงาม (1)




ความรู้...คู่สุขภาพ & ความงาม (1)


 

ดื่มน้ำให้ถูกวิธี

รวมแล้วควรให้ได้วันละ 14 แก้ว  ดังนี้
1. เวลาตื่นนอนให้ดื่มน้ำอุ่น แก้ว
2. ก่อนอาหารทุกมื้อ มื้อละ แก้ว
3. หลังอาหารทุกมื้อ มื้อละ แก้ว
4. ในเวลา 10.00, 14.00 ,16.00 เวลาละ แก้ว
5. ก่อนนอนดื่มน้ำอุ่น แก้ว
    
เทคนิคในการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ 
ถ้าดื่มในช่วงพระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้าต้องดื่มน้ำอุ่น  แต่ถ้าพระอาทิตย์พ้นขอบ
ฟ้าแล้ว ให้ดื่มน้ำเย็น   เป็นการกลับคืนสู่ธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคน   หลงลืมอิทธิพล
ของพระอาทิตย์พระจันทร์มานาน    ถ้าทำได้ดังที่ว่านั้น ประโยชน์จะเกิดขึ้นกับร่าง
กายของคุณอย่างเห็นได้ชัด เพราะการดื่มน้ำ สามารถทำลายเชื้อแบคทีเรียได้ ทำ
ให้โอกาสในการเป็นโรคภูมิแพ้ต่ำ    สามารถล้างคราบไขมันตามลำคอ   และล้าง
ลำไส้ที่มีความยาว 12 เมตรของมนุษย์ได้    ที่สำคัญ  การดื่มน้ำในจำนวนนี้ทำให้
การขับถ่ายไม่มีปัญหา  สำคัญอยู่ที่ว่า เราจะสามารถดื่มน้ำได้ตามคำแนะนำนี้หรือ
เปล่า ถ้าทำได้   ไม่เพียงจะดีกับสุขภาพของคุณ หากยังประหยัดเงินค่ายาอีกด้วย




ลดการใช้สารเคมีด้วยมะนาว 

กำจัดมด     เทน้ำมะนาวไปรอบบริเวณที่มดเดินผ่านบ่อยๆ จะช่วยไล่มดไปได้
ใช้เป็นน้ำยาปรับอากาศ   ผสมน้ำมะนาวและน้ำเปล่าในอัตราส่วนที่เท่ากัน แล้ว
นำไปใส่กระบอกฉีดหรือเครื่องพ่นน้ำยาปรับอากาศ  เป็นน้ำยาปรับอากาศ ที่ให้
กลิ่นสดชื่นแบบปราศจากสารเคมี
ทำความสะอาดไมโครเวฟ  นำมะนาวผ่าซีก สัก2ถึง3ชิ้น และน้ำเปล่าใส่ชาม
ไปตั้งอุ่นในไมโครเวฟประมาณ 30 วินาทีถึง 1 นาทีแล้วเช็ดทำความสะอาดให้
ทั่วเตาไมโครเวฟ คราบที่ติดตามผนัง     จะทำความสะอาดได้ง่าย      และช่วย
กำจัดกลิ่นอาหารที่ติดอยู่
กำจัดกลิ่นในตู้เย็น    ใช้มะนาวผ่าครึ่งผลแช่ไว้ในตู้เย็นจะช่วยกำจัดกลิ่นที่ไม่
พึงประสงค์
ทำความสะอาดจาน    ใช้น้ำมะนาว 1ช้อนชา ผสมลงไปในน้ำยาล้างจาน จะ
ช่วยกำจัดคราบไขมันได้ดีขึ้น

 


ถ้าไม่อยาก "แก่" 

กระเทียม เป็นเครื่องเทศประจำครัวไทย ที่มีสรรพคุณดี ๆ มากมาย เช่น เป็นยาขับ
ลมในลำไส้ แก้ไอ  ขับเสมหะ  และช่วยย่อยอาหาร   นอกจากนั้นในกระเทียม มีสาร
อัลลิซิน  ที่ช่วยลดคอเลสเทอรอลในเลือดได้   การกินกระเทียมสดวันละ 1-3 กลีบ
ต่อวัน จะป้องกันโรคหัวใจ  ป้องกันเลือดจับตัวเป็นลิ่มที่จะก่อให้เกิดการอุดตันของ
หลอดเลือด และหัวใจขาดเลือดได้
ผักและผลไม้   การหมั่นกินผักผลไม้ให้มากเป็นประจำ  รวมถึงธัญพืช และถั่วชนิด
ต่าง ๆ ที่อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และเอนไซม์หลายชนิด   ช่วยให้เซลล์ในร่างกาย
ของเราแข็งแรง กล้ามเนื้อกระชับ  ผิวหนังเต่งตึง นอกจากนี้ ยังมีไฟเบอร์สูง ทำให้
การขับถ่ายดี
เต้าหู้ มีโปรตีนสูงและย่อยง่าย  ยังมีการวิจัยพบว่า โปรตีนจากถั่วเหลืองยังช่วยลด
ระดับคอเลสเทอรอลร้ายในเลือด และเพิ่มคอเลสเทอรอลดี ช่วยป้องกันโรคหลอด
เลือดหัวใจ   ไม่เพียงเท่านั้นถั่วเหลืองยังมีวิตามินและแร่ธาตุสูงอีกหลายชนิด  เช่น
แคลเซียม เหล็ก สังกะสี และวิตามินบี
ปลาทะเล    เช่น แซลมอน ทูน่า ซาร์ดีน เป็นต้น มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่การมีการ
วิจัยพบว่า ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ช่วยการทำงานของระบบสมอง
ลดความดันโลหิตและไขมันไตรกลีเซอไรด์  เพิ่มระดับคอเลสเทอรอลดี และรักษา
อัตราการเต้นของหัวใจให้ปกติ    ปลาทะเลยังมีซีลีเนียม  และโคเอนไซม์คิว-10 ที่
ช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ทำงานผิดปกติ
ชา  ช่วยชะลอความแก่ ทำให้อายุยืนยาว โดยเฉพาะชาเขียว นอกจากป้องกันโรค
หลอดเลือดหัวใจ   เพราะช่วยลดคอเลสเทอรอล ยังช่วยต้านมะเร็ง และรักษาอนา
มัยในช่องปากได้อย่างดีด้วย

นอกจากนี้    อย่าลืมออกกำลังกาย    และดูแลจิตใจให้สดชื่นอยู่เสมอ    ด้วยการมี
อารมณ์ขันและมองโลกในแง่ดี

    
สูตรขจัดสิวหัวดำ

ส่วนผสม + วิธีทำ
นำมะเขือเทศสดมาปั่นรวมกับข้าวโอ๊ตให้เข้ากัน แล้วผสมน้ำผึ้งสักเล็กน้อยนำมา
ทา บนใบหน้าให้ทั่ว เน้นเป็นพิเศษบริเวณที่มีสิวหัวดำ แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น


มาร์คพอกหน้าสูตรใบเตย 

ส่วนผสม + วิธีทำ 
นำใบเตย4-5 ใบมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วนำไปปั่นรวมกับไข่ไก่ 2ช้อนโต๊ะจะได้มาร์คพอกหน้า
เป็นครีมข้นๆ หอมกลิ่นใบเตย  พอกหน้าไว้ประมาณ   5-10 นาที แล้วล้างหน้าตามปกติ









สูตรสาวหน้าใส 

ส่วนผสม + วิธีทำ

ผสมน้ำผึ้ง ถ้วย น้ำมะนาว ช้อนชา เข้าด้วยกัน นำมานวดให้ทั่วใบหน้า มะนาว
จะช่วยขจัดเซลล์ผิว เหมือนครีมที่มีส่วนผสมAHA นั่นแหละ ส่วนน้ำผึ้ง ทำให้ผิวนุ่ม
ชุ่มชื่น  นวดประมาณ 15 นาที










บำรุงผิวแห้งด้วยผลไม้สด

สูตรแรก องุ่น หรือกล้วยหอม
ส่วนผสม + วิธีทำ
นำองุ่นหรือกล้วยหอมที่กำลังสุกพอดี   อย่าให้งอมเกินไปนัก  ผสมโยเกิร์ตรสธรรม
ชาติ นมสด น้ำผึ้ง   ปั่นรวมกันจนได้เป็นครีมแล้วนำมาพอก   และนวดให้ทั่วผิวกาย
เน้นที่จุดแห้งกร้าน  อย่างข้อศอก  หัวเข่า  เท้า    แล้วทิ้งไว้สักประมาณ 15 นาทีจึง
ค่อยล้างออก

สูตรที่สอง ฝรั่ง
ส่วนผสม + วิธีทำ
การเตรียมสูตรบำรุงผิวจากฝรั่ง ให้เลือก      ฝรั่งสดที่ไม่สุกจนเกินไป  เลือกเฉพาะ
ส่วนที่เป็นเนื้อ หั่นเป็นชิ้นเล็ก ใส่น้ำ และน้ำผึ้ง ปั่นรวมจนเป็นเนื้อครีม   นำมาพอก
หน้าทิ้งไว้ 10 ถึง 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด  ทำทุกวันก่อนนอน  หน้าจะ
สดใสและเกลี้ยงเกลาขึ้น

สูตรที่สาม มะม่วง
ส่วนผสม + วิธีทำ
มะม่วงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวเรียบ ลื่น และสดชื่น ป้องกันผิวจากรอยเหี่ยว
ย่นและต้านอนุมูลอิสระ    นำเนื้อมะม่วงสุกมายีหรือปั่น   แล้วนำไปพอกให้ทั่วหน้า
ทิ้งไว้จนรู้สึกว่าแห้งจึงล้างออก จะทำ  ให้หน้าขาวและนุ่มนวลขึ้น โดยสามารถใช้
ได้กับทุกสภาพผิว

สูตรที่สี่ สับปะรด
ส่วนผสม + วิธีทำ
สับปะรดช่วยกำจัดเซลล์ที่ตายแล้วและลดการอักเสบของผิว สับปะรดเป็นผลไม้ที่
มีวิตามินเอและวิตามินซีสูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระและมีเกลือแร่อีกหลายชนิดช่วย
ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น ให้เตรียมน้ำ สับปะรด น้ำผึ้ง น้ำสะอาด คนให้เข้ากัน พอก
ให้ทั่วบริเวณใบหน้า  ยกเว้นปากและดวงตา   ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วล้าง
ออกจะทำให้หน้าเนียนนุ่มชุ่มชื้นขึ้น

สุดท้ายขอฝากเคล็ดลับในการนำผลไม้มาช่วยบำรุงผิวพรรณ     มีหลักการ
ง่าย ๆ 
คือ ต้องสะอาด  ผลไม้ต้องสดใหม่มีคุณภาพดี การปั่นหรือย่อยขนาดจนละเอียด
เพื่อไม่ให้ระคายเคืองต่อผิวหนัง


สวยแบบง่ายๆ และ สบายกระเป๋า

ผล Berry ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นบลูเบอรี่ ราสพ์เบอรี่ ฯลฯ นับว่าเป็นสุดยอดของ
ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระแถมด้วยไบโอฟลาโวนอยดฺ์ วิตามินซีที่จำเป็นต่อการ
ต่อต้านความเสื่อมและยังจำเป็นต่อการเสริมสร้าง เนื้อเยื่อคอลลาเจนและอิลาสติน
ที่ทำให้      ผิวหนังแข็งแรง เรียบเนียน ไม่มีริ้วรอย
- Resveratrol แอนตี้ออกซิแดนต์สำคัญที่พบในองุ่นสีม่วงหรือไวน์แดง  ช่วย

ต่อต้านอนุมูลอิสระ   ลดความเสื่อมความชรา   และช่วยป้องกันภาวะผิวเหี่ยวย่นแก่
ก่อนวัยได้เป็นอย่างดี
- Fish Oil น้ำมันปลาคุณภาพสูง    เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ     ลดการอักเสบทุก
อวัยวะ   โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอักเสบของหลอดเลือด ป้องกันโรคหัวใจและหลอด
เลือด และยังเสริมให้เซลล์ประสาทและสมองทำงาน    แข็งแรง มีผลลดการอักเสบ
ของผิวพรรณ   ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง    และปัญหาที่แพ้  รับประทานปลาทะเลน้ำลึก
สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หรือ เลือก Fish Oil แบบแคปซูลได้
- Evening Primrose Oil โอเมก้า ชนิด ที่ช่วยต่อต้านการอักเสบ จึงใช้มากใน
การรักษาโรคภูมิแพ้ ช่วยให้ผิวหนังแข็งแรง มีความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ  ลดปัญหา
อาการผิดปกติก่อนมีรอบเดือน PMS ได้เป็นอย่างดี


แถมด้วยอีก สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ คือ งดอาหารหวานจัด   และดื่มน้ำเปล่าวันละ แก้ว 
เท่านี้ก็สวยทันตาแบบไม่เปลืองเงินแล้ว


วิธีบำรุงผิวด้วยแตงโม 

วิธีทำ คือ เฉือนเนื้อแตงโมให้เป็นชิ้นบาง ๆ พอประมาณ คัดเฉพาะที่เป็นเนื้อในสุด 
อย่านำเนื้อแตงโมที่อยู่ใกล้ชิดกับเปลือก เนื่องจากเนื้อส่วนนี้จะมีความเข้มข้นของ

กรดอยู่พอประมาณ และมีความแข็งไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ เมื่อได้ชิ้นแตงโมที่ฝาน
บาง ๆ แล้ว นำมาวางไว้บนผ้าขาวบางที่เตรียมไว้จากนั้นนำมาวางปิดลงบนใบหน้า
ให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด 

สิ่งที่ได้ จากการบำรุงผิวหน้าด้วยแตงโม คือ ความเย็นของแตงโมช่วยผ่อนคลาย

ผิวด้านนอกให้สดชื่น สารสีแดงจากแตงโม  ที่มีแอนตี้ออกซิเดนท์ นอกจากช่วยใน
การบำรุงหัวใจ รวมถึงมะเร็งแล้ว ยังสามารถดูดซับความมันบนใบหน้าได้เป็นอย่าง
ดี ทั้งนี้ ยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ที่จะช่วยควบคุมระบบการไหลเวียนของโลหิต
ในบริเวณผิวหน้าให้เป็นปกติ    ช่วยให้รูขุมขนมีความยืดหยุ่น   ชุ่มชื่น  อีกทั้งในน้ำ
แตงโม  มีโมเลกุลของน้ำตาลอยู่พอประมาณ   รวมทั้งกรดอะมิโนอีกเล็กน้อย ช่วย
ในการบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี


สวยแบบประหยัด 
 
ผลไม้มาร์คหน้า

การนำผลไม้ที่รับประทานเป็นประจำมามาร์คหน้า คือการประหยัดและยังช่วยในการ

ดูแลผิวแบบธรรมชาติ   ผลไม้หลาย ๆ ประเภท   จะมีสารสกัดที่ดีต่อผิว เช่น  ผลไม้
เปรี้ยว ๆ อย่าง สับปะรดมะม่วงสุกมะเฟืองส้ม ฯลฯ ที่มีกรดผลไม้ที่ดีต่อการทำให้
ผิวขาวใส เรียบเนียน   ขอแนะนำว่า  ควรผสมอย่างอื่นเพื่อลดความเป็นกรดลงด้วย 
เช่น โยเกิร์ต  หรือน้ำผึ้ง

สครับริมฝีปาก


ริมฝีปากที่นุ่ม ชุ่มชื่นทำให้ดูดีขึ้น วิธีประหยัด คือ การนำกระวานป่น ช้อนชา มาขั

ริมฝีปากหลังล้างหน้า ถึงแม้จะมีรสเผ็ด แต่ได้ผลดีต่อริมฝีปาก จากนั้นล้างออกแล้ว
บำรุงด้วยลิปบาล์มอีกครั้ง


อบไอน้ำสมุนไพร


อบไอน้ำแบบประหยัด คือ นำใบมะกรูด ข่า ขิง มะนาว   มาต้มในหม้อให้พออุ่น จาก

นั้นวางพักในจุดที่พอก้มหน้าให้ไอร้อนสัมผัสผิวได้อ่อน ๆ  หรืออาจจะนำผ้ามาคลุม
ศีรษะและหม้อน้ำให้ไอน้ำไม่ระเหยเร็วก็ได้ ความร้อนและสมุนไพร  จะช่วยเปิดรูขุม
ขนและดีท็อกซ์ให้ผิวหน้าให้สะอาดสดใส ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับผิวอีกรอบ


ผลไม้เพื่อผมสวย


นำกล้วยน้ำว้า แตงโม น้ำส้ม และน้ำมะกรูด มาบดผสมรวมกัน แล้วนำมาหมักเส้นผม

ทิ้งไว้ 10-15 นาที ล้างออก จะทำให้เส้นผมมีได้กลิ่นหอม ๆ จากผลไม้แล้ว ยังทำให้
เส้นผมได้รับคุณค่าบำรุงใหม่ ๆ 


เกร็ดความรู้ กลเม็ดพิชิตกลิ่นปาก  

   *  อย่าปล่อยให้ปากแห้ง เพราะเมื่อปากแห้งความเข้มข้นของแบคทีเรียในปาก

      จะเพิ่มมาก ทำให้เกิดกลิ่นปากได้ง่าย
   *  ดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยล้างแบคทีเรียออกจากน้ำลาย
   *  แปรงฟันทุกครั้งหลังอาหาร   และอย่างลืมแปรงด้านบนของลิ้น   อันเป็นที่

      เกิดของแบคทีเรียด้วย ถ้าไม่สะดวกจะแปรงฟัน   ให้บ้วนปากด้วยน้ำเปล่าหรือ
      น้ำยาบ้วนปาก
   *  เคี้ยวหมากฝรั่งชนิดที่ไม่มีน้ำตาล เคี้ยวใบผักชีฝรั่งหรือกานพลูหลังอาหาร
   *  งดอาหารกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หอมใหญ่ พริกไทย และเนยแข็ง
   *  หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก
   *  กินอาหารให้ครบหมู่ แม้ว่าคุณจะกำลังลดความอ้วนอยู่ก็ตาม
   *  เลิกสูบบุหรี่

   *  ตรวจสุขภาพฟันสม่ำเสมอ


ผลไม้ 10 อันดับแรกที่มีเบต้าแคโรทีนสูง

  1)    มะม่วงน้ำดอกไม้สุก       

  2)    มะเขือเทศราชินี       
  3)    มะละกอสุก      
  4)    กล้วยไข่
  5)    มะม่วงยายกล่ำ                

  6)    มะปรางหวาน                  
  7)    แคนตาลูปเนื้อเหลือง
  8)    มะยงชิด                       

  9)    มะม่วงเขียวเสวยสุก                    
10)    สับปะรดภูเก็ต


ผลไม้ทั้งหมดนี้มีเนื้อสีเหลืองและสีเหลืองเข้มผักผลไม้ที่มีสารเบต้าแคโรทีน สูง
ผลไม้ที่มีสีเขียวและสีเหลือง จะช่วยป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร กล่องเสียง   และ
มะเร็งปอดได้   ส่วนเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายนำไปใช้สร้างวิตามินเอนั้น
จะช่วยป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ สาเหตุของโรคมะเร็ง สารชนิดนี้มีมากในพืชผัก
สีแดง เหลือง ส้ม หรือเขียวเข้ม   เช่น  ผักบุ้ง  ตำลึง แครอท  ฟักทอง  มะละกอสุก
แอปเปิ้ล  ซึ่งผักผลไม้เหล่านี้ยังให้กากใย    มีผลดีต่อการกำจัดพิษที่คั่งค้างในร่าง
กายได้ด้วย

 

8 ขั้นตอน เพื่อผิวหน้าสะอาดหมดจด  
 
1. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวหน้า 

สาว ๆ ควรรู้ว่าผิวหน้าของตัวเองมีสภาพแบบไหน ผิวแห้ง มัน หรือ บอบบางแพ้
ง่าย     ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาผิวตามมา   คุณควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความ
สะอาดให้เหมาะกับผิวหน้าของคุณนะคะ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่มีผิวแพ้ง่าย ควรใส่
ใจกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการเกิดผด ผื่น สิว   หรือ
อาการแพ้ทางผิวหนัง

2. Makeup Remover ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอาง

จำเป็นสำหรับสาวที่ต้องแต่งหน้าทุก ๆ วัน   เพราะจะช่วยทำความสะอาดเครื่อง
สำอางที่อุดตันอยู่บนใบหน้าได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับวันไหนที่ไม่แต่งหน้าไม่จำเป็น
สำหรับสาว ๆ เลยนะคะ เพราะแค่การล้างหน้าด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้าก็พอแล้ว

3. ควรล้างหน้าด้วยโฟม เจล หรือสบู่ล้างหน้าอีกครั้ง
 
หลังจากคุณล้างเครื่องสำอางเรียบร้อยแล้ว    ไม่ใช่ว่า Makeup Remover   ทำ
ความสะอาดผิวได้ไม่หมดจด แต่ มีไว้ล้างเครื่องสำอางออกจากผิวหน้าซึ่งอาจ
ไม่ได้มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดผิวอย่างแท้จริง   ดังนั้น   หากวันไหนที่
แต่งหน้า ให้ทำความสะอาดผิว ขั้นตอน คือล้างเครื่องสำอาง    และทำความ
สะอาดผิวอีกครั้ง

4. คุณควรนวดโฟม เจล หรือสบู่ให้ทั่วใบหน้า 
นานประมาณ นาที เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดได้ซึมซับเข้าไปทำความ
สะอาดในรูขุมขน

5. ในการล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด คุณอาจต้องล้างหลายครั้ง

หากใช้วิธีการรอน้ำจากอ่างล้างมือขึ้นมาล้างหน้า   แต่หากเป็นการล้างหน้าตอน
อาบน้ำ แนะนำให้คุณใช้ฝักบัวล้างหน้าขณะอาบน้ำดีกว่า เพราะมั่นใจได้ถึงความ
สะอาดจริง ๆ

6. โทนเนอร์เช็ดหน้า 
อาจไม่ได้จำเป็นกับสาว ๆ ทุกคน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนด้วย ดังนั้น หาก
คุณล้างหน้าให้สะอาดหมดจดแล้ว โทนเนอร์เช็ดหน้าไม่ได้จำเป็นกับผิวคุณเลย
ยกเว้นโทนเนอร์บางตัวที่มีคุณสมบัติเปิดรูขุมขนเพื่อเตรียมผิวเข้าสู่ขั้นตอนการ
บำรุงผิวต่อไป


7. โฟมล้างหน้าที่มีเม็ดบีดส์สครับผิว 
อาจทำร้ายผิวหน้ามากกว่าทำความสะอาดผิว   แม้จะมีโฟมสครับหลายตัวที่บอก
ว่าสามารถใช้ได้ทุกวันก็ตามที แต่โฟมล้างหน้าประเภทนี้ จะขัดผิวคุณไปด้วย ซึ่ง
คุณก็รู้ดีว่าการขัดผิวนั้นไม่ควรทำทุกวันอยู่แล้ว ดังนั้น โฟมล้างหน้าประเภทนี้ไม่
ได้จำเป็นเลยค่ะ หรือหากคุณอยากใช้จริง ๆ ควรใช้เพียงสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้งเท่า
นั้นก็เพียงพอ

8. เช็ดหน้าให้แห้ง ด้วยการค่อย ๆ ซับหน้าเบา ๆ 
ด้วยผ้าสะอาด และทางที่ดี    ผ้าเช็ดหน้ากับผ้าเช็ดตัว   ไม่ควรเป็นผ้าผืนเดียวกัน
เพราะผิวหน้านั้นบอบบางกว่าผิวส่วนอื่น 



วิธีสังเกตอาการผิดปกติของร่างกายจากเล็บ 

1. เล็บมีลักษณะสีขาวเป็นแผ่นตรงกลาง 
:อาจมีความผิดปกติกับตับ หรือมีโรคที่เกี่ยวกับการทำงานของตับผิดปกติ


2. เล็บมีลักษณะหนากว้าง โค้งตามลักษณะของปลายนิ้วที่โตขึ้นและมีสีม่วงคล้ำ 
: ลักษณะแบบนี้พบมากในผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคตับ และโรคท้องเสียเรื้อรัง

3. เล็บมีลักษณะเป็นหลุม ขรุขระ ไม่เรียบเกลี้ยงเกลา 
: อาจเป็นโรคผิวหนังที่เรียกว่าสะเก็ดเงิน หรือเรื้อนกวาง เพราะลักษณะแบบนี้จะพบ
  ในผู้ป่วยโรคผิวหนังถึง70%

4. เล็บมีลักษณะขาวซีด อ่อน แบนและบุุุ๋ม 
: ลักษณะแบบนี้   พบมากในคนที่ขาดธาตุเหล็ก ซึ่งมักจะเป็นโรคโลหิตจาง

5. เล็บมีลักษณะเป็นสีเหลือง
:  ถ้าพบลักษณะแบบนี้ในเล็บบนนิ้วมือที่ถนัด   อาจเป็นเพราะสารนิโคติน  ที่มาจาก
  บุหรี่เกาะบนเล็บที่ใช้คีบบุหรี่ ลักษณะนี้จะพบมากในผู้ป่วยโรคปอด

6. เล็บมีลักษณะเป็นจุดหรือเส้นสีม่วง ที่เกิดจากเส้นเลือดฝอยแตก 
:  จะพบมากในผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจอักเสบ  โรคลิ้นหัวใจตีบ  โรคหลอดเลือดอักเสบ 
   และโรคขาดวิตามินซี

7. เล็บมีลักษณะเป็นดอกหรือจุดขาวๆ หรือเป็นเสี้ยวพระจันทร์ 
: อาจขาดสารอาหารบางอย่างที่ทำให้เซลล์สร้างเล็บได้ไม่สมบูรณ์     หรือกำลังมี
  ปัญหาสุขภาพ อาจจะมีโรคภายในที่ทำให้เจ็บป่วยหนักขึ้น

8. เล็บมีลักษณะสีดำ 
: ส่วนมากพบในคนที่ขาดวิตามินบี12 และในผู้ป่วยโรคลำไส้ผิดปกติ อาจมีจุดดำๆ 
  เกิดขึ้นตามเนื้อเยื่อของลำไส้เยื่อบุปากและริมฝีปาก


 

วิธีแก้ผมร่วง  

วิธีแก้ผมร่วง จากเกลือ
หากผมร่วงผิดปกติในขณะที่หวีผม  หรือแม้แต่เอามือลูบผมก็ร่วงติดมือมา  ให้เอา
เกลือผสมน้ำอุ่นใส่ให้ทั่วศีรษะ    นวดให้รู้สึกศีรษะร้อนแล้วค่อยล้างออก   ก่อนใส่
ควรสระผมเสียก่อนสักครั้งหนึ่ง   จะเห็นได้ว่าแค่เกลือแกงที่มีอยู่กันทุกครัวเรือน ก็
สามารถแก้ปัญหาผมร่วงได้ และยังประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย 


วิธีแก้ผมร่วง จากขิง                                                                                                                                    เอาเหง้าขิงขนาดเท่าหัวแม่มือมาอังไฟให้อุ่นจัด แล้วนำไปบดให้ละเอียด จากนั้น
ก็นำมาทาให้ทั่วหนังศีรษะ น้ำมันในขิงจะช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผมทำให้ผม
ที่ขึ้นมาใหม่มีความแข็งแรงด้วย รู้อย่างนี้แล้ว  ใครที่อยากแก้ผมร่วงก็ลองนำวิธีที่
แนะนำไปปฏิบัติกันได้

วิธีแก้ผมร่วง ด้วยน้ำเปล่า
ก่อนอื่นต้องเลิกใช้แชมพูทุกชนิด แล้วสระด้วยน้ำเปล่า นวดเบาๆ เช้าเย็นประมาณ
วัน ผลของการสระด้วยน้ำเปล่า ผมมันขึ้น ตามธรรมชาติ และรู้สึกไปเอง ณ เวลา
นี้ว่า ร่วงน้อยลง เวลาสระก็ค่อยๆสระ แต่รู้สึกสบายหัว 


สูตรหน้าใสมาฝากเป็นเคล็ดลับให้ลองทำ 

1. สูตรเพิ่มความสดชื่นเปล่งปลั่งให้กับผิวหน้า
ให้ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจนสะอาด จากนั้นนำแอปเปิ้ลที่ยังไม่ปลอกเปลือกครึ่งผลมา

ปั่นพอละเอียด  นำมาพอกหน้าเว้นเปลือกตา ทิ้งไว้ประมาณ 25 นาที แล้วล้างออก 

2. สูตรลดริ้วรอย ทำให้หน้านวลใส
ให้นำแอปเปิ้ลครึ่งผลมาปั่นพอละเอียด จากนั้นก็มะนาวมาคั้นเอาแต่น้ำประมาณ 1

ช้อนชาใส่ลงไป แล้วผสมให้เข้ากัน   จากนั้นนำมาพอกให้ทั่วหน้า  เว้นบริเวณรอบ
ดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออก 

3. สูตรหน้าเด้ง ไม่หยาบกร้าน
นำโยเกิร์ต ช้อนโต๊ะมาผสมกับมะเขือเทศลูกเล็ก ๆ ประมาณ ลูก ปั่นโยเกิร์ตกับ

มะเขือเทศพอละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าให้ทั่ว โดยเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้15 นาที
แล้วล้างออก 

4. สูตรขัดหน้าขาว และลดริ้วรอยหมองคล้ำ 
นำโยเกิร์ต ถ้วย  แล้วผสมกับเกลือป่นละเอียด1ชต ผาสมให้เข้ากัน นำมาพอกให้

ทั่วใบหน้า แล้วนวด ให้ทั่ว นาที   ทิ้งไว้อีก นาที แล้วล้างออก   ทำเดือนละครั้ง
กำลังดี คล้ายๆ กับการสครับหน้า




20 ไอเดียง่าย ๆ ช่วยคุณเผาผลาญแคลอรี 

1. อย่าปล่อยให้ปริมาณอาหารกำหนดการกินของคุณ เพราะปริมาณอาหารไม่
ใช่สิ่งที่ร่างกายต้องการ ทุกมื้ออาหารควรทานให้อิ่มพอดี ๆ  อย่าให้ถึงกับรู้สึกอึดอัด 
และไม่ต้องเสียดายอาหารที่เหลือในจาน   แต่ให้คิดเสียว่าอาหารที่เหลือต่อวัน   คือ
แคลอรีที่คุณสามารถลดได้
2. หาน้ำดื่มทุกครั้งก่อนที่คุณจะหาขนมนมเนยเข้าปาก ถ้าทำได้ จะช่วยคุณได้
มากทีเดียว ทั้งลดความอ้วนและประหยัดค่าขนมไปในตัวด้วย

3. กฎเหล็กของการลดความอ้วนคือ การตัด ABC ออก   A  หมายถึง   Alcohol 

(แอลกอฮอร์), Bหมายถึง Bread (ขนมปัง) และ C carbohydrates (คาร์โบไฮเดรต)
4. ปล่อยให้ตู้เย็นโล่งสะอาดตา   โดยหาเพียงสิ่งที่ทานแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกาย 
หรือทานแล้วช่วยให้คุณดูสวยขึ้น  เช่น  หาผลไม้หรือน้ำผลไม้ประดับตู้เย็นแทนขนม
เค้ก  นมพร่องไขมันเนย   และน้ำแร่แช่แทนน้ำอัดลม  และที่สำคัญ  ควรหาภาพนาง-
แบบหุ่นดีๆ ใส่เสื้อผ้าโชว์สัดส่วนโค้งเว้า มาติดตู้เย็นแทนแม่เหล็ก

5. ทานอาหารเช้าเป็นประจำ   เพราะอาหารเช้าสามารถช่วยให้คุณทานอาหารมื้อ

อื่น ๆ ได้น้อยลง

6. ฟังดนตรีเพลงโปรด (เพลงช้าๆ) เปรียบเสมือนได้รับประทานอาหารรสเยี่ยม ที
นี้เมื่อคุณเกิดอาการอยากอาหาร ให้ลองเปลี่ยนมาฟังเพลงเพราะแทน
7. เตือนความจำตัวเองด้วยการนำชุดตัวเก่งที่คุณใส่ได้เมื่อครั้งยังผอม แขวน
ในตู้เสื้อผ้าที่คุณสามารถเห็นได้ชัดทุกวัน    เพื่อเตือนความจำให้คุณอยากกลับมาใส่
ชุดนี้อีกครั้ง
8. เมื่ออยู่ห้องแอร์เย็นๆ ให้หาน้ำขิงหรือชาเขียวดื่มแทน กาแฟ   กาแฟหนึ่งถ้วย 
เปรียบเสมือนทานข้าวไปสองจาน 

9. นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่และเต็มตา เพราะผู้หญิงเรา หากได้นอนหลับเพียงพอ 
ร่างกายจะสามารถเพิ่มระบบเผาผลาญได้มากขึ้นจากปกติถึง 40% เชียวนะ
10. ก่อนเข้าซุปเปอร์มาเก็ตทุกครั้ง ควรจดรายการที่ต้องการ และซื้อตามรายการ
ที่จด  แทนการเลือกซื้อแบบตามใจฉันจะนึกออก ณ ตอนนั้น หากตั้งใจช้อปของไม่มาก 
แนะนำให้ถือตระกร้าแทนรถเข็น เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณได้ออกแรงแล้ว ยังช่วยไม่
ให้คุณเลือกซื้อของเกินรายการที่ต้องการอีกด้วย
11. หลีกเลี่ยงการอยู่หรือทำงานในเวลากลางคืน เนื่องจาก แสงของยามค่ำคืนและ
การนอนดึกจะยิ่งทำให้คุณอยากทานของจุกจิก  หรือหิวระหว่างคืนได้   แต่หากคุณต้อง
การดูหนังในเวลากลางคืนก็สามารถทำได้ด้วยการเปิดไฟดวงน้อยเมื่อหนังจบก็สามารถ
ดับไฟนอนได้เลย
12. เปลี่ยนขนมจุกจิกเป็นลูกอม  เพราะลูกอมมีแคลอรีเพียง 20 แคลอรี และสามารถ
ช่วยให้คุณหายหิวได้ถึง 20 นาที
13. เติมความสดชื่นด้วยชาเขียว    เพราะชาเขียวทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีได้
มากขึ้น ควรหาชาเขียวมาดื่มร้อนๆ สักสามถ้วยต่อวัน

14. ทำเรื่องกินให้เป็นเรื่องใหญ่    โดยไม่ทานอาหารในขณะที่กำลังทำกิจกรรมอื่น ๆ 
เช่น  ดูทีวี อ่านหนังสือ หรือเล่นอินเทอร์เน็ต หากต้องการกิน ก็ควรนั่งกินบนโต๊ะอาหาร
อย่างเป็นเรื่องเป็นราว

15. หาเวลาสัก 20 นาทีต่อวัน สำหรับการเดินเล่น ชมสวน    หรือนั่งเล่นท่ามกลาง
บรรยากาศธรรมชาติ วิธีนอกจากจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์แล้ว   ยังช่วยเผาผลาญแคลอรี
ต่อวันได้อีกด้วย
16. ฝึกที่จะใช้บันไดแทนลิฟ   หากคุณทำงานหรือเรียนอยู่บนชั้นสูงๆ ให้ขึ้นลิฟไปถึง
ก่อนชั้นทำงานหรือชั้นเรียนอย่างน้อย ชั้นที่เหลือให้ใช้บันไดแทน
17. ปลดปล่อยอารมณ์ให้สุดเหวี่ยงขณะขับรถ    โดยการฟังเพลงแดนซ์เพลงโปรด
ของคุณ ร้องออกมาดัง ๆ  แล้วขยับร่างกายตามจังหวะเพลง   ไม่ต้องไปสนใจใครหรอก 
โดยเฉพาะหากรถยังแล่นอยู่
18. ยุ่งนัก หาเวลาออกกำลังไม่ได้  ให้หาถุงเท้าสบาย ๆ แล้วใส่อยู่บ้าน  แล้วโลด
แล่นให้ทั่วพื้นบ้าน   จินตนาการว่ากำลังเล่นสเก็ตอยู่ เพียง 10 นาที ก็ช่วยคุณเผาผลาญ
แคลอรีได้ถึง 150แคลอรี
19. หาวีซีดีออกกำลังกายสักหนึ่งชุดเพื่อเต้น เปลี่ยนห้องของคุณให้กลายเป็นเฮ็ลท์
คลับส่วนตัว

20. เปลี่ยนนิสัยขี้เกียจ แล้วเริ่มหัดทำงานบ้านเสียบ้าง เพราะทุกสิ่งที่คุณทำล้วนเปรียบ
เสมือนได้ออกกำลังกายและเผาผลาญแคลอรี




หยิบสวยจากตู้เย็น

สูตร 1 ผิวกายที่ว่าหมองและหยาบกระด้าง   จัดการขัดให้ใสนุ่มด้วยมะขามเปียก 
โดยฉีกเอามะขามเปียกเหนียวๆมาประมาณ ช้อนโต๊ะ   แกะเม็ดและใยออกจนเหลือ
แต่เนื้อล้วนๆชโลมผิวด้วยน้ำ แล้วใช้เนื้อมะขามเปียกขัดให้ทั่วตัวเลย ทิ้งไว้ 2-3 นาที
แล้วล้างออก ผิวจะเนียนใสดังใจ

สูตร 2 คนที่มีผิวกายแห้งมาก ๆ  บดกล้วยที่สุกงอมผสมกับเบบี้ออยล์ ถ้ามีงาขาวก็

ให้ผสมลงไปด้วยเล็กน้อย นำมาพอกตัว ตรงไหนแห้งมากก็พอกทิ้งไว้เลยประมาณ10 
นาที จากนั้นค่อยๆใช้มือถูวนตรงบริเวณที่พอกแล้วค่อยล้างออก   จะช่วยขัดผิวที่แห้ง
ลอกออกไปพร้อมกับบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น

สูตร 3 วิธีแก้ไขขอบตาคล้ำๆ  นอกจากจะใช้แตงกวาแล้ว ยังสามารถใช้มันฝรั่งฝาน

บางๆแล้ววางบนเปลือกตาทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ 10-15 นาที รอบดวงตาจะชุ่มชื้นขึ้น ลด
รอยหมองคล้ำได้


สูตร 4 กระชับรูขุมขนแก้ผดผื่น   ใช้ดินสอพอง บดให้ละเอียดเลยนะคะแล้วหยิบนม
สดเย็น ๆ  มาผสมให้เข้ากันจนได้เนื้อแป้งเหนียว ๆ   สำหรับคนผิวแห้ง  จะเติมน้ำผึ้งอีก
หน่อยก็ได้ เอามาพอกหน้าทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วจึงล้างออกให้สะอาด  ดินสอพองจะ
ช่วยบรรเทาผดผื่น   กระชับรูขุมขนทำให้หน้าเนียน   ส่วนนมสดจะช่วยให้ผิวนุ่ม  น้ำผึ้ง
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

สูตร กินมะเขือเทศมากๆแก้มจะเปล่งปลั่งอมชมพูใส   ถึงแม้ไม่ได้กินเข้าไป แค่

เอามาแปะๆไว้ที่ผิวหน้าก็ช่วยให้สวยได้แล้ว   ฝานมะเขือเทศเป็นแว่นบางๆ แปะลงทั่ว
ใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จึงล้างออกหรือจะคั้นเอาแต่น้ำมะเขือเทศสดมาทาผิว
หน้าทิ้งไว้ แล้วล้างออก

สูตร 6 อยากผิวหน้านุ่มใส   ลองเอาน้ำผึ้งผสมไข่ขาวทาทั่วใบหน้า เว้นรอบดวงตา 

ทิ้งไว้จนแห้งแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น

สูตร 7 ลดความมันบนใบหน้า   เอามะนาวผสมกับดินสอพอง   ใช้มือบี้ให้เข้ากันจน

เป็นเนื้อแป้งเหนียว ๆ  เสร็จแล้วทาลงบนใบหน้า   เว้นเฉพาะรอบดวงตา   ทิ้งไว้จนเนื้อ
แป้งแห้งสนิทแล้วค่อยล้างออก   ทำเป็นประจำจะช่วยลดความมันบนใบหน้า ทำให้ผิว
ใสขึ้น

สูตร 8 สำหรับผิวเผชิญแดด  แตงกวาเป็นผักที่ให้ความเย็นและความชุ่มชื่น  เหมาะ

มากสำหรับผิวที่เผชิญแดดจนระอุและอ่อนล้า    นำแตงกวาสดจากตู้เย็นมาล้างให้สะ-
อาด  ปอกเปลือกออก  แล้วบดละเอียด  พอกผิวหน้าไว้ประมาณ 15-20 นาที   จึงล้าง
ออก   จะช่วยปลอบประโลมให้ผิวผ่อนคลายและเย็นขึ้น

สูตร 9 สำหรับคนผิวหน้ามัน  บดมันฝรั่งดิบให้ละเอียด  ผสมน้ำอุ่นเล็กน้อย ก่อนนำ

มาทาลงบนใบหน้า  ให้ทาผิวหน้าด้วยเบบี้ออยล์บาง ๆ ก่อน   มาส์กทิ้งไว้ประมาณ 20 
นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น เท่านี้ผิวก็กระชับเต่งตึงและเรียบเนียน

สูตร 10 บำรุงเส้นผมให้ดกดำนิ่มสลวยด้วยมะกรูด เพียงแค่ผ่ามะกรูดเป็นสองซึก

แล้วคั้นเอาแต่น้ำ (กรองเม็ดและกากออก) หลังจากสระผมจนสะอาด  นำน้ำมะกรูดมา
นวดเส้นผมและหนังศรีษะ   หมักทิ้งไว้ 5-10 นาที   แล้วจึงล้างออก   สำหรับคนที่หนัง
ศรีษะมันมากๆ ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมนวดผมตาม จะช่วยลดอาการคันศรีษะได้ด้วย

สูตร 11 สูตรผิวสดชื่น เปล่งปลั่ง   ใช้ส้มเขียวหวานเย็น ๆ นำมาปอกเปลือก แกะเป็น

กลีบๆ ลอกใยและแคะเมล็ดออก  แปะลงบนใบหน้าทิ้งไว้สัก 15-20 นาที จะรู้สึกสดชื่น
ขึ้นทันที ถ้าทำบ่อยๆสัปดาห์ละครั้ง ติดกันประมาณ เดือน ผิวจะดูสดใสเปล่งปลั่งขึ้น

สูตร 12 
สูตรผลัดเซลล์ผิวเก่าให้ผิวหน้าใสขึ้น ถ้าทำเป็นประจำจะช่วยลดริ้วรอยตื้น
ใช้มะขามเปียก (แต่ต้องระมัดระวังหน่อย โดยเฉพาะคนที่แพ้สารAHA นี่ไม่ควรใช้)  วิธี
การคือเอามะขามเปียกมาแช่น้ำ   แล้วคั้นเอาแต่น้ำมาผสมกับโยเกิร์ตรสธรรมดา  พอก
หน้าทิ้งไว้ 5-10 นาที ระหว่างพอกถ้ารู้สึกคันมากจนแสบให้รีบล้างออก 

สูตร 13 แอปเปิ้ลบด ไข่ไก่และนมสด    เอามาผสมรวมกันพอกหน้าไว้ 15 นาที ล้าง

ออกให้สะอาด นอกจากจะเป็นมาส์กที่มีกลิ่นหอมมากๆแล้วผิวหน้าจะนุ่มขึ้นทันที

สูตร 14 น้ำเย็น 1 ขวด ใช้ล้างหน้าเป็นประจำ เช้า-เย็น จะช่วยให้ผิวตื่นตัว  รูขุมขน

กระชับขึ้น  แถมยังช่วยประโลมผิวที่อ่อนล้าจากการสัมผัสมลภาวะและความเครียดได้

สูตร 15 ผิวหน้าแพ้เป็นผื่นคันเนื่องจากใช้เครื่องสำอางไม่เหมาะกับผิว ลองใช้

ไข่ขาวเนื้อหยุ่นๆพอกเฉพาะบริเวณที่แสบคัน   ทิ้งไว้ประมาณ นาที  แล้วล้างออกให้
สะอาดด้วยน้ำเปล่า จะช่วยบรรเทาอาการแสบคันได้บ้าง แต่หลังจากนั้นควรไปปรึกษา
แพทย์ผิวหนัง

สูตร 16 ว่านหางจระเข้   เพราะวุ้นใส ๆ ที่ปอกเปลือกแล้ว ใช้รักษาแผลสดได้ดีมาก ๆ

แถมยังรับประทานได้ด้วย  นอกจากนี้วุ้นใสยังช่วยบำรุงให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง รักษาสิว
อักเสบได้  เพียงแค่เอาเมือกเหนียวใสจากวุ้นมาทาผิวหน้า  ทิ้งไว้จนแห้งแล้วล้างออก
ด้วยน้ำสะอาด ผิวพรรณจะชุ่มชื่นสดใส

สูตร 17 ฟื้นฟูเส้นผมจากความแห้งกรอบด้วยน้ำมันมะกอก หยดน้ำมันมะกอกลง

บนฝ่ามือ  แล้วลูบไล้บริเวณปลายผมขณะที่เปียก จากนั้นใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นจัดโพก
ศรีษะทิ้งไว้ 15นาที สระออกด้วยแชมพูอย่างอ่อน เส้นผมจะนุ่มสลวยและเงางาม




═╬╬═╬╬═╬╬═╬╬═╬╬═╬╬═╬╬══╬╬═╬╬═╬╬═♥╬╬═╬╬═╬╬═╬╬═ 


(ขอบคุณข้อมูลความรู้จากเว็บต่าง ๆ)


═╬╬═╬╬═╬╬═╬╬═╬╬═╬╬═╬╬══╬╬═╬╬═╬╬═♥╬╬═╬╬═╬╬═╬╬═ 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น