วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

--> ขจัดสารพัดคราบเลอะ!!





เคล็ด(ไม่)ลับ..ขจัดสารพัด!!



เสื้อผ้าสีขาวที่เริ่มจะกลายเป็นสีเหลือง   สามารถแก้ไขได้โดยใช้เปลือกไข่
ป่นละเอียด   ใส่ลงไปในอ่างแช่ผ้า  ทิ้งไว้สักครู่แล้วจึงซัก


เสื้อผ้าที่ขึ้นราเล็กน้อย   ขจัดคราบโดยรีบนำผ้าที่ขึ้นราใหม่ ๆ   ซักในน้ำสบู่
ร้อนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  หรือ  ใช้วิธีบีบมะนาวลงไป  แล้วแช่ผ้าไว้ในผง
ซักฟอกสักครู่  จึงซักผ้าตามปกติ


เสื้อผ้าที่เปื้อนรอยสนิม    ขจัดคราบโดยนำผ้ามาชุบน้ำให้เปียกก่อน  บีบน้ำ
มะนาวลงไปบนรอยเปื้อน  ทิ้งไว้สักครู่แล้วจึงนำไปซักตามปกติ


เสื้อผ้าที่เลอะคราบเบียร์    ขจัดคราบโดยซักในน้ำเย็นทันที    หรือใช้แปรง
จุ่มน้ำเย็น   แปรงตรงรอยเปื้อนทันที


เสื้อผ้าที่เลอะคราบน้ำมันรถ (น้ำมันเครื่อง) ขจัดโดยใช้มะนาวถูบริเวณที่ 
เลอะจนรอยเปื้อนจางลง   แล้วจึงนำไปซัก


เสื้อผ้าที่เลอะคราบครีม  เนย  น้ำมัน     ขจัดคราบโดยนำแป้งที่ใช้สำหรับ
ทาตัวมาโรย    ใช้กระดาษทิชชู  หรือ กระดาษบางอื่น ๆ  วางทับ    นำเตารีด
ที่มีความร้อนพอสมควร   ทับบนกระดาษจนแป้งดูดคราบออกจนหมด   แล้ว
จึงนำไปซัก


เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบเลือดฝังแน่น    ขจัดคราบโดยใช้ฟองน้ำจุ่มน้ำเย็น  ที่
ผสมเกลือจนชุ่ม    ถูเบา ๆ   จนรอยค่อย ๆ จางลง     แล้วใช้น้ำเปล่าถูอีกครั้ง    
สุดท้ายใช้ทิชชู่ซับน้ำให้แห้ง


เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบกาแฟ     ขจัดคราบโดยใช้แป้งข้าวเจ้าถูบริเวณที่เลอะ    
แล้วซักได้เลยตามปกติ


เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบชอกโกแลต   ขจัดคราบโดยรีบนำไปแช่น้ำอุ่นทันทีที่
เปื้อน   อาจใช้น้ำยาขจัดคราบฝังแน่นช่วยด้วย  จากนั้นนำไปซักแห้ง


เสื้อผ้าที่เลอะคราบปัสสาวะ  ขจัดคราบโดยให้ซับที่รอยเปื้อน  ด้วยแอมโม
เนียเจือจาง  หรือเบคกิ้งโซดา   แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น  แล้วซักได้ตามปกติ


เสื้อผ้าที่เลอะคราบน้ำตาเทียน     ขจัดคราบโดยใช้ก้อนน้ำแข็ง   ขูดเกล็ด
เทียนออกมาให้มากที่สุด     จากนั้นจึงใช้กระดาษประกบบริเวณที่เปื้อนทั้ง 2
ด้าน แล้วใช้เตารีดอุ่น ๆ รีดทับ   จนน้ำตาเทียนซึมออกมาติดกับกระดาษ


เสื้อผ้าที่เลอะโคลน    ขจัดคราบโดยปล่อยให้โคลนแห้ง    ใช้แปรงปัดออก
ซักด้วยน้ำเย็นหลาย ๆ ครั้งจนไม่มีน้ำโคลนออกมา   จึงซักด้วยผงซักฟอก


เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบน้ำชา  ขจัดคราบโดยรีบเทน้ำเดือด ลงบนรอยเปื้อนที่
ผ้า ที่ยังเป็นรอยใหม่อยู่  จนสีจางลงแล้ว   รีบนำไปซักทันที   ให้ซักในน้ำอุ่น
กับสบู่   ถ้ายังไม่ออก   ให้ใช้น้ำยาฟอกขาวเช็ดแล้วจึงซัก


เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบน้ำผลไม้ น้ำมันพืช     ขจัดคราบโดยให้ขึงผ้าที่เปื้อน
บนปากถ้ง   เทน้ำเดือดลงตรงรอยเปื้อน  แล้วจึงซัก


เสื้อผ้าที่เลอะน้ำมันขัดเงา   ขจัดคราบดดยใช้ฟองน้ำชุบทินเนอร์   ทาบริ-
เวณที่เปื้อนในขณะที่ยังเปียกอยู่   ใช้น้ำยาซักผ้าขยี้ตรงรอยเปื้อนทันที   นำ
มาแช่ในน้ำอุ่นแล้วรีบซักทันที


เสื้อผ้าที่เลอะคราบน้ำมันดิบ  ขจัดคราบโดยขูดน้ำมันดิบที่ติดอยู่ออกด้วย
มีดที่ไม่คม    แล้วถูด้วยน้ำมันสน   หรือน้ำมันก๊าด  หรือน้ำมันเบนซิน    (ห้าม
ใช้น้ำเด็ดขาด)

เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบน้ำส้มสายชู ขจัดคราบโดยผสมแอมโมเนีย 1 ช้อนชา   
ในน้ำ 2 ถ้วย (ครึ่งลิตร)  แล้วแช่ 2-3 นาที  ล้างออกแล้วซักปกติ


เสื้อผ้าที่เลอะคราบน้ำหมาก  น้ำหมึก   ขจัดคราบโดยก่อนซักให้นำเกลือ
ป่นโรยตรงรอยเปื้อน แล้วบีบน้ำมะนาวลงไปให้ชุ่ม  ผึ่งแดดไว้ครึ่งวันจึงค่อย
นำไปซัก


เสื้อผ้าที่เลอะกาว  ขจัดคราบได้โดยใช้น้ำส้มสายชูเช็ดที่รอยเปื้อน   นำมา
แช่ในน้ำเย็น  แล้วซักตามปกติ


เสื้อผ้าที่เลอะขี้ผึ้ง  ขจัดคราบได้โดย  วางกระดาษซับบนรอยเปื้อนแล้วกด
ด้วยเตารีดที่ร้อน   เปลี่ยนกระดาษใหม่จนกระทั่งไขทั้งหมดถูกดูดซับไปหมด     
ถ้าเป็นผ้าที่บาง  หรือผ้าไหม  ให้ใช้กระดาษทิชชูและเตารีดที่เย็นกว่า


เสื้อผ้าที่เลอะไข่   ขจัดคราบได้โดยผสมน้ำยาซักผ้ากับน้ำอุ่นซัก


เสื้อผ้าที่เลอะคราบเหงื่อ     ขจัดได้โดย   ซักด้วยน้ำที่ผสมน้ำส้มสายชูเล็ก
น้อย หรือน้ำมะนาว  หรือ  แช่ผ้าไว้ในน้ำยาซักผ้าที่ทำให้เจือจางในน้ำ  จาก
นั้นซักตามปกติ  หรือ  ละลายแอสไพริน 2 เม็ดลงในน้ำ   แล้วแช่ผ้าไว้สักครู่ 
จึงซักตามปกติ


เสื้อผ้าที่เลอะหมึกแห้ง     ขจัดคราบได้โดย ใช้สเปรย์ฉีดผมฉีดตรงรอยนั้น  
ทิ้งไว้ให้แห้ง   แล้วใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำอย่างละเท่ากัน  เช็ดให้แห้งแล้วนำ
ไปซัก


เสื้อผ้าที่เลอะคราบหมากฝรั่ง   ขจัดคราบได้โดย    ขูดยางหมากฝรั่งออก
ด้วยสันมีด    แล้วใช้น้ำแข็งพูเพื่อให้ยางนั้นแข็งตัว    ค่อย ๆ แกะออก   แล้ว
ใช้สำลีจุ่มแอลกอฮอล์เช็ด   นำไปซักในน้ำสบู่อ่อน ๆ


เสื้อผ้าที่เลอะสีอีมัลชั่น    ขจัดคราบโดยแช่  หรือซักกับรอยเปื้อนที่ยังใหม่
อยู่ด้วยน้ำเย็น  จากนั้นซักตามปกติ


เสื้อผ้าที่เลอะน้ำมันทั่วไป  ขจัดคราบโดยใช้น้ำมันเบนซินเช็ดรอยเปื้อนให้
ชุ่ม  แล้วใช้น้ำมันสนเช็ดอีกที   จากนั้นซักตามปกติ


เสื้อผ้าที่เลอะสีเคลือบเงา    ขจัดคราบได้โดยซับที่รอยเปื้อนด้วยน้ำมันสน 
หรือผสมแอมโมเนียกับน้ำมันสนในอัตราส่วนที่เท่ากัน     แช่ผ้าไว้จนกระทั่ง
รอยเปื้อนเริ่มละลายออก   จากนั้นซักในน้ำสบู่


เสื้อผ้าที่เลอะสีปากกาเมจิ   ขจัดคราบโดยถูด้วยน้ำมันสน   แล้วนำไปซัก


เสื้อผ้าที่เลอะคราบปากกาลูกลื่น   ขจัดคราบโดยใช้ฟองน้ำชุบด้วยแอล-
กอฮอล์   เช็ดจนรอยเลอะจางลง   แล้วจึงนำไปซัก


เสื้อผ้าที่เลอะคราบดินสอ  ขจัดคราบโดยใช้ยาสีฟันป้ายลงบนรอยดินสอ
แล้วขยี้จนรอยหาย


เสื้อผ้าที่เลอะลิปสติก  ขจัดคราบโดยใช้มันเปลวหมูทาตรงรอยเปื้อน หรือ
ใช้น้ำมันหมูทา  แล้วจึงซักในน้ำสบู่ร้อน ๆ   หรือ  ใช้ผงซักฟอกขาวโรยตรง
รอยเปื้อนแล้วขยี้ออก   แล้วจึงซักตามปกติ  หรือ  ใช้วาสลินถูตรงรอยเปื้อน  
แล้วนำมาซักตามปกติ   หรือ  นำมาแช่ไว้ในน้ำผสมเกลือ    ทิ้งไว้ 1 คืน  จะ
ทำให้รอยลิปสติกหาย


เสื้อผ้าที่เลอะยางกล้วย     ขจัดคราบโดยใช้มะนาวที่ฝานเป็นชิ้นบาง ๆ  ถู
ตรงรอยเปื้อนที่เป็นคราบดำ   แล้วรีบนำมาซักทันที


เสื้อผ้าที่เลอะยาแดง     ขจัดคราบโดยเช็ดรอยเปื้อนด้วยแอมโมเนีย   หรือ
ซักด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำ


ยาทาเล็บ  ขจัดคราบโดยใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาล้างเล็บ  แล้วถูบนเนื้อผ้าก่อน
นำไปซัก   สำหรับผ้าลินินหรือผ้าสีขาว   ให้ซักในน้ำยาซักผ้าขาว  ส่วนผ้าสี
ให้ซักในน้ำยาซักผ้าที่มีส่วนผสมของโซเดียมเปอร์คาร์บอเนต  ผ้าไหมหรือ
ผ้าวูลให้ซักในน้ำยาซักผ้าที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์


น้ำยาลบคำผิด  ขจัดคราบโดยหยดแอลกอฮอล์ลงบนรอยเปื้อน แปรงหรือ
ขยี้จนรอยเปื้อนจาง    หากยังคงเหลือคราบน้ำยาลบคำผิด   ให้ขยี้ด้วยน้ำยา
ซักแห้งอีกครั้ง   แล้วนำไปซัก



รอยเปื้อนยางมะตอย  ใช้น้ำมันไฟแช็คทา ล้างรอยเปื้อน แล้วจึงนำไปซัก



(ขอบคุณข้อมูลความรู้จาก http://fashiondukdik.blogspot.com )

วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

--> ความรู้คู่สุขภาพ &ความงาม (3)

ความรู้คู่สุขภาพ & ความงาม (3)





ควรทำอย่างไร เมื่อมือถือหาย ? 

วิธีการเมื่อมือถือหาย... ให้คนขโมยใช้ไม่ได้ และขายไม่ได้

มือถือแต่ละเครื่องจะมี Serial Numberของตัวเอง  เหมือนกับเลขประจำตัวประชาชน      
ถ้าต้องการทราบว่าเป็นเบอร์อะไร    ให้กด  *#06#  แล้วจะมีรหัส 15 หลักขึ้นมาให้

เห็นเราควรจะบันทึกไว้
และถ้ามือถือเกิดการสูญหายไปก็ให้โทรไปบอก Service Provider แจ้งหมายเลข 15
หลักนั้น เพื่อที่จะ Block การใช้โทรศัพท์   ซึ่งจะทำให้โทรศัพท์ที่หายไปหรือถูกขโมย
ไปไม่สามารถใช้ได้ ถึงแม้จะเปลี่ยน Sim Card  จะส่งผลให้การขโมยโทรศัพท์มือถือ
ไปขายลดลงในที่สุด
เครื่องทุกเครื่องของมือถือเหมือนกัน ไม่เกี่ยวกับระบบของค่ายไหนทั้งนั้น 


สุดยอดอาหารสร้างความอ่อนเยาว์ 

น้ำสะอาดบริสุทธิ์ 
เซลล์ผิวหน้านั้นต้องการความชุ่มชื่น  เพื่อดำรงความเข็มแข็งอ่อนเยาว์ให้กับผิวหน้า
และเป็นการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับร่างกาย  หากอยากมีสุขภาพผิวดี อ่อนเยาว์ควรดื่ม
น้ำอย่างน้อยวันละ แก้ว

ผัก ผลไม้
อุดมไปด้วยวิตามิน  เอ  และซี    ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ  เช่น  มันฝรั่งหวานและ

แครอท   อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน  ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย   และต่อสู้กับอนุมูล
อิสระตัวการก่อมะเร็งร้าย  วิตามินซียังสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน  ช่วย
ให้ผิวตึงกระชับและมีเลือดฝาดอย่างเป็นธรรมชาติด้วย

บลูเบอร์รี
อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและต้านมะเร็ง    ซึ่งในบลูเบอร์รีมีสารชื่อว่า สารไฟ

โตเคมิคอล   สารนี้มีคุณสมบัติพิเศษในการลดผลกระทบจากบุหรี่ควันพิษ   และสาร
เคมีรอบด้านซึ่งเป็นการปกป้องผิวพรรณโดยธรรมชาติ

จมูกข้าว
อุดมไปด้วยวิตามินบี วิตามินอี ซีลีเนี่ยม ช่วยในการชะลอความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนัง

และเพิ่มประสิทธิภาพครีมบำรุงผิวให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น     อีกทั้งยังสามารถป้องกันริ้ว
รอยแห่งวัยได้ด้วย

ปลาแซลมอน
อุดมไปด้วยโอเมก้า โอเมก้า 6    รวมทั้งมีกรดไขมันและสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วย

ในการดูแลสุขภาพผิว   นอกจากนี้ปลาแซลมอนยังเป็นผลดีสำหรับหัวใจ  และยังช่วย
บำรุงผิวหนัง ผิวแห้ง ช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์สดใส



อาหารลดความเครียด 

อาหารบางชนิดช่วยลดความเครียดได้  เช่น ปลาทะเลน้ำลึก กล้วย องุ่น ช่วยแก้ความ
หม่นหมองได้ อาหาร อันดับ ที่กินแล้วช่วยให้อารมณ์ดี

1.ปลาทะเลน้ำลึก
กรดโอเมก้า ในปลาทะเลน้ำลึกทำหน้าที่เสมือนยาแก้อาการซึมเศร้า ช่วยให้ประสาท
สงบและเพิ่มการหลั่งของสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกผ่อน
คลาย อารมณ์ดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น สำหรับปลาทะเลน้ำลึก ได้แก่ แซลมอน ปลา
แม็กเคอเรล ทูน่า ฯลฯ
2.กล้วย
ผู้ที่มีอาการซึมเศร้าหลายคนรู้สึกดีขึ้นเมื่อกินกล้วย    เพราะกล้วยมีส่วนประกอบโปรตีน
ชนิดหนึ่งที่ร่างกายจะเปลี่ยนให้เป็น เซโรโทนิน นอกจากนี้  กล้วยยังมีส่วนประกอบของ
วิตามินบี 6    ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่    ซึ่งมีผลไปถึงอารมณ์ ผู้หญิงที่มี
อาการ PMSหรือช่วงอารมณ์ไม่ดีก่อนมีประจำเดือนควรกินกล้วยจะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น
3.องุ่น
อุดมด้วยวิตามินซี     ช่วยปรับปรุงระบบภูมิต้านทานโรคของร่างกาย  ช่วยให้ความหนา
แน่นของเซลล์เม็ดเลือดแดงคงที่กินแล้วช่วยคลายเครียด ยิ่งไปกว่านั้นวิตามินซียังเป็น
สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการสร้างโดปามีน  และอะดรีนาลิน ซึ่งสารเคมีทั้งสองตัว  ช่วยในการ
กระตุ้นความกระฉับกระเฉงตื่นตัว
4.ขนมปัง
ขนมปังและข้าวทุกชนิด    คือแหล่งคาร์โบไฮเดรต ซึ่งมีส่วนในการกระตุ้นให้สมองหลั่ง 
สารเซโรโทนินซึ่งช่วยให้เกิดความสงบ แนะนำให้กินขนมปังเพื่อต่อต้านอาการซึมเศร้า
5.ผักโขม
อุดมด้วย กรดโฟลิก (Folic acid) กรดดังกล่าวช่วยสร้างเซลล์ใหม่และช่วยให้เซลล์ใหม่
แข็งแรงสมบูรณ์  สำคัญมากต่อหญิงตั้งครรภ์  ที่สำคัญการขาดโฟลิกนำไปสู่การลดการ
หลั่งของฮอร์โมนเซโรโทนินโดยตรงซึ่งก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้า
6.เชอร์รี่
เชอร์รี่เป็น "แอสไพรินธรรมชาติ"   เนื่องจากผลไม้ชนิดนี้มีสารที่ชื่อว่า แอนโธไซยานิน
ซึ่งเป็นเม็ดสีในเชอร์รี่ ทำให้เชอร์รี่มีสีสันสวยสดใส แต่สรรพคุณสำคัญ คือ ทำให้คนกิน
มีความสุข  การกินเชอร์รี่ 20 ผล ช่วยลดอาการซึมเศร้าได้มากกว่าการกินยาเสียอีก
7.กระเทียม
อุดมด้วย สารเซเลเนียม  เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้น คนเราควรได้
รับเซเลเนียม   อย่างน้อยวันละ 50 ไมโครกรัม   แต่เซเลเนียมในกระเทียมนั้นปริมาณไม่
แน่นอน กระเทียมหนัก ขีด อาจมีเซเลเนียมตั้งแต่ 3-25 ไมโครกรัม    การกินกระเทียม
วันละ กลีบน่าจะเหมาะสม    นอกจากนี้   กระเทียมยังมีสรรพคุณช่วยลดระดับไขมันใน
เลือดและรักษาโรคความดันโลหิตสูงด้วย


อาหารที่ทำให้เราส่งกลิ่น

หน่อไม้ฝรั่ง
อาหารบางชนิดทำให้กลิ่นปากของเราตุ ๆ    บางชนิดส่งกลิ่นผ่านรูขุมขนของเรา   ส่วน
หน่อไม้ฝรั่งนั้น เป็นอีกจำพวกที่ทำให้ปัสสาวะมีกลิ่นคล้ายๆ กับกะหล่ำปลีเน่า ความจริง
ก็คือ ปรากฏการณ์หน่อไม้ฝรั่งสร้างกลิ่น ยังคงเป็นปริศนาสำหรับนักวิทยาศาสตร์ แม้จะ
มีสารต้องสงสัย เช่น S-Methyl Thioesters และ Methanethiol แต่การระบุให้แน่ชัดก็ยัง
เป็นเรื่องยากอยู่   อย่างไรก็ดี  สิ่งหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์สรุปได้ก็คือ ไม่มีใครมีภูมิคุ้มกัน
ทุกคนเป็นเหมือนกันหมด  คนทั่วไปร้อยละ 60-80 อาจกินหน่อไม้ฝรั่งแต่ไม่เคยได้กลิ่น
ดังกล่าว ซึ่งกลิ่นนั้นมีอยู่จริง ๆ คุณแค่ไม่มีประสาทรับรู้มัน

กระเทียม
ไม่มีกลิ่นอะไรจะติดหนึบได้เท่ากลิ่นกระเทียมอีกแล้ว    กลิ่นกระเทียมสามารถติดอยู่ใน
ลมหายใจได้นานถึง 72 ชั่วโมง   เนื่องจากในกระเทียมมีซัลเฟอร์ชื่อ Allicin    ซึ่งทำให้
กระเทียมมีกลิ่นรุนแรงกว่าหมากฝรั่งดับกลิ่นปากทุกชนิด     เมื่อ Allicin สลายตัวในกระ
เพาะ มันจะปล่อยไอระเหยเข้าสู่กระแสเลือด แล้วไปที่ปอดก่อนจะออกมากับลมหายใจ
อย่างไรก็ตาม กระเทียมดีต่อสุขภาพของคุณมากๆ และเคยมีการศึกษาพบว่า กระเทียม
สามารถกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ดังนั้น มันจึงลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจด้วย

หัวหอม
หัวหอมมีทั้งใยอาหารและซัลเฟอร์ที่มีประโยชน์ซึ่งเชื่อว่าช่วยลดคอเลสเตอรอลกระตุ้น
การไหลเวียนของเลือด และอาจป้องกันคุณจากโรคมะเร็งได้ด้วยซ้ำ   ส่วนข้อเสีย ก็คือ
หัวหอมมีชื่อเสียงด้านกลิ่นปากที่ไม่จางหาย     เนื่องจากมันมีซัลเฟอร์ที่ระเหยทันทีเมื่อ
สัมผัสกับอากาศ มันจะเข้าสู่กระแสเลือดและออกทางปอด   การแปรงฟันหรือลูกอมดับ
กลิ่นปาก อาจช่วยกลบกลิ่นบ้าง แต่ไม่สามารถขจัดได้หมด ข่าวดีก็คือการนำหัวหอมไป
ผ่านความร้อน อาจช่วยสลายสารที่เป็นสาเหตุของกลิ่นได้  นอกจากนี้ หัวหอมที่ปลูกใน
ดินที่มีกำมะถันน้อยกว่า ก็จะมีสารจำพวกดังกล่าวน้อยกว่าด้วย

ทุเรียน
หากคุณรักทุเรียน คุณอาจเข้าใจความอร่อยของ ราชาผลไม้ได้ไม่ยาก  แต่สำหรับคนที่
เกลียดทุเรียนแล้ว กลิ่นอันร้ายกาจของมันอาจทำให้คุณต้องส่ายหน้าหนี เพราะผลไม้นี้
ประกอบไปด้วยสารระเหยถึง 39 ชนิด    รวมถึงซัลเฟอร์ต่าง ๆ ที่อาจเป็นตัวการกลิ่นตุ ๆ
หากคุณกินทุเรียนเพียงหนึ่งเม็ด อาจมีกลิ่นปากได้เป็นชั่วโมง

แอลกอฮอล์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก้วที่ 1-2 อาจไม่ส่งกลิ่น แต่ถ้ามีปริมาณเพิ่มขึ้น แอลกอฮอล์ใน
กระแสเลือดและลมหายใจก็จะรุนแรงขึ้นเช่นกัน โดยแอลกอฮอล์จะผ่านกระแสเลือดไป
สู่ปอด    และเกิดกลิ่นที่ไม่ว่าจะเป็นอะไร  ก็ไม่สามารถกลบกลิ่นของมันออกไปได้ นอก
จากเวลา หรือเป็นเพราะเหตุอื่น ๆ อย่างเช่น
        1) การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งเป็นภาวะที่เหมาะที่สุดให้แบคทีเรีย
            ต้นตอของกลิ่นปากได้เจริญเติบโต
        2) โมเลกุลของแอลกอฮอล์จะไปจับตัวกับแบคทีเรียที่อยู่ตามเหงือก  และฟัน  จึง              ทำให้กลิ่นปากย่ำแย่ลงไปอีก 


อาหารที่คุณคิดว่าปลอดภัยแต่มีอันตรายแฝง

ไก่ทอดแบบแช่แข็ง
ปกติ อาหารประเภททอดก็ย่อยยากอยู่แล้ว  และอมน้ำมัน แถมยังเต็มไปด้วยไขมัน ยิ่ง
เมื่อนำมาผ่านกระบวนการการทำให้แข็งแล้วจึงค่อยนำมาทอด    ทำให้อาหารชนิดนั้น
อันตรายมาก  และเมื่อร่างกายย่อยไม่สำเร็จ อาจจะทำให้เราท้องร่วงหรือท้องเสียได้

หมากฝรั่งแบบไม่มีน้ำตาล
อย่าคิดว่าการกลืนหมากฝรั่งจะไม่มีอันตรายนะ มันไม่ได้ทำมาเพื่อกลืนเสียหน่อยและ
ยังมีสารที่เป็นอันตรายทำให้หนืดอีกด้วย จึงไม่ควรกลืนลงไปเพราะ อันตรายที่สุด

ถั่ว 
นี่ก็คืออาหารยอดคุณประโยชน์เช่นกัน   แต่คงไม่มีใครปฎิเสธว่าในถั่วเต็มไปด้วยแก๊ส
 และเอนไซม์ในถั่วยังอาจทำให้ร่างกายมีแต่แบคทีเรียด้วย

บร็อคโคลี่ และกะหล่ำปลีดิบ
ผักที่แสนดี เต็มไปด้วยไฟเบอร์นี้ดีต่อสุขภาพก็จริง แต่ถ้าจะกินควรปรุงเสียก่อน และที่
สำคัญควรหั่นออกเป็นฝอย ๆ เสียด้วย เพราะไม่อย่างนั้นมันจะเต็มไปด้วยแก๊ส

ไอศกรีม 
ในไอศกรีมเต็มไปด้วยแลคโทส  และยังมีแก๊สมากมาย ยิ่งถ้ามันไม่ได้ทำวันต่อวัน แต่
เก็บไว้นาน ๆ ผ่านกระบวนการแช่แข็ง จะยิ่งทำให้ยากต่อการย่อยมากยิ่งขึ้น

หัวหอมดิบ
หัวหอมเป็นญาติกับกระเทียมเลยทีเดียว และจริงๆมันก็ดีต่อร่างกาย ดีต่อหัวใจ แต่บาง
ตัวก็ทำให้ท้องต้องอันตราย   เพราะหัวหอมดิบมีสารที่อันตรายอยู่มาก  ทำให้กระเพาะ
ระคายเคืองจะระคายแค่ไหน ลองคิดสิเวลาปอกหัวหอมเรายังน้ำตาไหลเลยนี่นา

มันบด
การกินมันที่ขึ้นฟูดูน่าอร่อยมากทีเดียว แถมยังทำง่ายอีกด้วย แต่ถ้าใส่นมหรือครีมหนัก
มือไปหน่อย อาจทำให้มันเต็มไปด้วยแลคโทส และย่อยได้ยาก

ช็อกโกแลต
การกินช็อกโกแลตจำนวนเหมาะสมเป็นเรื่องที่ดี    แต่ถ้ากินมากเกินไป   ก็ไม่ใช่เรื่องดี
เพราะช็อกโกแลตทำให้การบีบตัวของกระเพาะลดลง   เพื่อให้เราผ่อนคลาย   และเมื่อ
ขาดการบีบตัวนี้ ร่างกายก็จะหลั่งกรดออกมามากขึ้น   ทำให้ระคายเคืองในกระเพาะได้
ทางแก้คือ  เราควรหันไปกินของทอดสดๆ ประเภทอื่น   อย่างเช่นมันฝรั่งทอด ถั่วทอด
เพรทเซล หรือป๊อปคอร์น

อาหารรสจัด
พวกของเผ็ดๆ จะทำให้กระเพาะต้องระคายเคือง แม้ว่าคุณจะพยายามดื่มน้ำกลบแล้วก็
ตาม แต่ยังไงผลกระทบนั้นก็ยังคงอยู่ 



อาหารที่กิน แล้วช่วยให้อารมณ์ดี

1. แซลมอน เพราะว่าเต็มไปด้วยโอเมก้าสาม และวิตามินดี มีประโยชน์สุด ๆ
2. ผักขม เป็นป๊อปอายกันเหอะ เค้าว่ากันว่ามันเต็มไปด้วยไฟเบอร์ กินแล้วจะทำให้ร่าง
กายย่อยได้ดี และทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกตินะ
3. นม   ไม่มีอะไรจะดีกว่านมอุ่น ๆ สักแก้ว ในยามเครียด ลองดื่มนมก่อนนอนรับรองว่า
หลับสบาย แถมได้วิตามินดี และบี 12 ด้วย
4. ใบปอ ใบปอที่กินกับข้าวต้ม ให้ทั้งไฟเบอร์ โอเมก้า ไขมัน แล้วก็โฟลิค แอซิดด้วย
5. แบล็คเบอร์รี่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นี้มีทั้งไฟเบอร์ โฟลิค แอซิด และสารต้านอนุมูลอิส
ระมากมาย
6. ไข่    มีวิตามินมากมาย ครบถ้วนเลยทีเดียว
7. ซาร์ดีน ปลาซาร์ดีนมีสารอาหารเยอะมาก  กินแล้วได้อะไรเยอะ  ทั้งวิตามินดี แล้วก็
โอเมก้าสามด้วย
8. ถั่วเหลือง พืชตระกูลถั่ว กินแทนโปรตีนได้ ไม่อ้วน และรสดีด้วย
9. เมล็ดทานตะวัน อันนี้ นอกจากกินแล้วได้ประโยชน์แล้ว ยังกินง่าย สนุกด้วย


 


ความงามจากผลไม้ 

ทับทิม
ผลไม้จากสวรรค์เป็นสัญลักษณ์แห่งการเกิดใหม่    อุดมด้วยวิตามินเอ ซี และอี แร่ธาตุ
สารต้านอนุมูลอิสสระ   ที่ช่วยบำรุงผิวให้สวยสดใส  เปล่งปลั่ง  อ่อนเยาว์   แถมยังเต็ม
เปี่ยมด้วยพลังแห่งการต้านการเสื่อมสภาพของผิวอีกด้วย

มะขามป้อม 
ถือเป็นผลไม้ที่มีโอสถในตัว   เนื่องจากมีวิตามินซีสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ อีกทั้งคุณค่า
แห่งการบำรุงเข้มข้น ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสแม้อยู่ในรูปของสารสกัด

ถั่วเหลือง
ธัญพืช ที่อุดมไปด้วยสารอาหารผิวและโปรตีน อีกทั้งยังมีไฟโตรเอสโตเจนที่มีคุณสม
บัติเหมือนฮอร์โมนเพศหญิง ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง สุขภาพดี

มะพร้าว
ผลไม้มากคุณค่าแห่งการบำรุงที่มีมาช้านาน อุดมด้วยวิตามินอีโมเลกุลเล็กจึงซึมซาบ
ดูแลถึงเซลล์ชั้นใน ลดการสูญเสียโปรตีน ช่วยรักษาสุขภาพของหนังศีรษะให้แข็งแรง
ปรับสภาพและเสริมสร้างการเจริญของเส้นผม ให้ผมเงางาม สุขภาพดีมีน้ำหนัก

มะเฟือง
สมัยโบราณนิยมนำน้ำมะเฟืองสดมาชำระล้างทำความสะอาดเส้นผม  เนื่องจากในผล
มะเฟือง มีแร่ธาตุที่เหมาะกับเส้นผม    อีกทั้งยังมากด้วยวิตามิน   ช่วยรักษาสมดุลตาม
ธรรมชาติให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ ให้ผมนุ่ม ลื่น สะอาด ปราศจากรังแค 



เปลือกผักผลไม้มีประโยชน์ 

เปลือกแอ๊ปเปิ้ล   เชื่อว่ามีผลในการต่อต้านมะเร็ง   พบว่าเปลือกของแอ๊ปเปิ้ลแดงผล
หนึ่งมี สารต้านอนุมูลอิสระเทียบเท่าวิตามินซี 820 มิลลิกรัม   ซึ่งเป็นปริมาณที่ได้จาก
น้ำส้มคั้นถึง ควอตช์ เลยทีเดียว

เปลือกมันฝรั่งอุดมไปด้วยใยอาหาร หรือไฟเบอร์ ธาตุเหล็กโปแตสเซียม และวิตามิน
บี มากกว่าที่ได้จาก เนื้อมันเสียอีก เมื่อเทียบปริมาณเท่า ๆ กันแล้ว

ผิวส้ม มะนาว หรือมะกรูด มีสาร ดีไลโมนีน (น้ำมันหอมระเหยชนิดหนึ่ง) เทอปีน  เฮส
เพอริดีน (ยาป้องกันการ ตกเลือดโดยลดความเปราะของเส้นเลือด)   คูมาริน (สารต่อ
ต้านเชื้อแบคทีเรีย)   และแคโรทีนอยด์  (สารสีเหลืองช่วยต้านอนุมูลอิสระ)  ซึ่งมีประ-
โยชน์และดีต่อสุขภาพ 


อาหารต้องห้าม สำหรับโรคบางชนิด 


1. เป็นไข้หวัด มีไข้สูง
ควรหลีกเลี่ยง อาหารไม่สุก อาหารที่เย็นมาก ๆ อาหารทอด อาหารมัน ซึ่งเป็นอาหารที่
ย่อยยาก จะทำให้เกิดความร้อนสะสม เปรียบเสมืออาหารเชื้อเพลิง หรือเป็นการเติมน้ำ
มันเข้าไปในกองไฟนั่นแหละ
2. โรคกระเพาะ
ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภท แอลกอฮอล์ ชาแก่ๆ กาแฟ ของเผ็ด ของทอด ของมัน
 เพราะอาหารเหล่านี้ ทำให้เกิดความร้อนสะสม ทำให้โรคหายยาก   ทางที่ดีควรจะทาน
อาหารปริมาณน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง   ทานอาหารให้ตรงเวลา และเป็นอาหารที่ย่อยง่าย
3. โรคความดันเลือดสูง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุที่มักมีปัญหาหลอดเลือดแข็งตัว ขาดความยืดหยุ่น ควร
หลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารที่มีคอเรสเตอรอลสูงเช่น หมูสามชั้น ไขกระดูก ไข่ปลา โก
โก้ รวมทั้งเหล้า เพราะอาหารเหล่านี้ทำให้เกิดความร้อนชื้นสะสมในร่างกาย และความ
ชื้นก็มีผลก็ทำให้เกิดความหนืดของการไหลเวียนทุกระบบในร่างกาย   และความร้อนก็
จะไปกระตุ้นทำให้ความดันสูงนอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ด หรืออาหารหวาน
มาก รวมทั้งผลไม้อย่างลำไย ขนุน ทุเรียน
4. โรคตับและถุงน้ำดี
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์  อาหารมัน  เนื้อติดมัน  เครื่องในสัตว์  อาหารทอด
อาหารหวานจัดเพราะแพทย์จีนถือว่าตับและถุงน้ำดีมีความสัมพันธ์กับระบบย่อยอาหาร
การได้อาหารประเภทดังกล่าวมากเกินไป  จะทำให้สมรรถภาพของการย่อยอาหารอ่อน
แอลง และเกิดโทษต่อตับและถุงน้ำดีอีกต่อหนึ่ง
5. โรคหัวใจและโรคไต
ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด เพราะจะทำให้มีการเก็บกักน้ำ การไหลเวียนเลือดจะช้า
ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ไตต้องทำงานขับเกลือแร่มากขึ้น   ส่วนอาหารรสเผ็ดก็ควร
หลีกเลี่ยง เพราะทำให้กระตุ้นการไหลเวียนสูญเสียพลังงานและ หัวใจก็ทำงานหนักขึ้น
6. โรคเบาหวาน
หลีกเลี่ยงอาหารรสหวาน หรือแป้งที่มีแคลอรี่สูง เช่น มันฝรั่งเ มันเทศ ควรทานพวกถั่ว
เช่น เต้าหู้ นมวัว เนื้อสันไม่ติดมัน ปลา ผักสด
7. นอนไม่หลับ
หลีกเลี่ยงชา กาแฟ รวมทั้งการสูบบุหรี่ เพราะอาหารเหล่านี้มีฤทธิ์กระตุ้นประสาททำให้
ไม่ง่วงนอน หรือนอนไม่หลับสนิท
8. โรคริดสีดวงทวาร หรือท้องผูก
หลีกเลี่ยงอาหารประเภทหอม กระเทียม หอม ขิงสด พริกไทย พริกเพราะอาหารเหล่านี้
อาจทำให้ท้องผูก หลอดเลือดแตก และอาการริดสีดวงทวารกำเริบ
9. ลมพิษ ผิวหนังอักเสบ หรือโรคหอบหืด
ควรหลีกเลี่ยงเนื้อแพะ เนื้อปลา กุ้ง หอย ปู ไข่ นม และอาหารรสเผ็ดเพราะจะไปกระตุ้น
และทำให้อาหารผิวหนังกำเริบ
10. สิว หรือต่อมไขมันอักเสบ
งดอาหารเผ็ดและมัน  เพราะทำให้เกิดการสะสมความร้อนชื้นของกระเพาะอาหาร ม้าม
มีผลต่อความร้อน  ชื้นไปอุดตันพลังของปอด    ควบคุมผิวหนัง ขน ตามร่างกาย ทำให้
เกิดสิว 


ระวัง!! การกินยากับน้ำผลไม้ 

             คนเราส่วนใหญ่เวลาไม่สบายก็จะต้องทานยาเข้าไป บางคนอาจทานยากับน้ำ
เปล่า   หรืออาจรับประทานยากับน้ำผลไม้


             แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การรับประทานยากับน้ำผลไม้นั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
ผลการวิจัยสรุปว่า น้ำผลไม้นั้นจะส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของร่างกาย  ซึ่งจะ
ทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาของยาหมดลงไปได้    เพราะก่อนที่ยานั้นจะถูกดูดซึม
เข้าสู่กระแสเลือด       น้ำผลไม้จะต่อต้านการดูดซึมของยาที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง
ความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลว และโรคภูมิแพ้ต่างๆ รวมไปถึงยาที่ใช้กับผู้ป่วยที่ปลูก
ถ่ายอวัยวะใหม่

            นอกจากนี้ผลการวิจัยที่ได้รับการเปิดเผยก่อนหน้านี้ ยังบอกถึงอันตรายของน้ำ
ผลไม้ในแง่ที่ส่งผลต่อการรับประทานยาเช่นกัน    เพราะฤทธิ์ในการทำลายเอนไซม์ใน
ร่างกาย   ซึ่งทำหน้าที่ในการสกัดกั้นไม่ให้ยาเข้าสู่กระแสเลือดมากจนเกินไป   เมื่อเอน
ไซม์ชนิดนี้ลดลงจะทำให้ตัวยาบางชนิดรวมถึงยาที่ใช้ในการรักษาโรค ความดันโลหิต
และแอนติฮิสตามีน (Antihistamines) มีฤทธิ์ในการรักษารุนแรงขึ้น เพราะในบางกรณี
ทำให้ร่างกายได้รับตัวยามากเกินขนาด    จะเป็นการก่อให้เกิดผลเสียต่อการรักษาและ
ร่างกายผู้ป่วยได้

           เมื่อรู้อย่างนี้แล้วคราวหน้าถ้าจะทานยาก็ควรงดการทานยากับน้ำผลไม้จะดีกว่า
จะได้ปลอดภัยกับตัวเอง..



สุดยอดอาหารสำหรับผู้หญิง 

กีวี
เป็นผลไม้ที่มีระดับของ วิตามินซีสูงที่สุดชนิดหนึ่ง   เรียกว่าเกือบ เท่าของ วิตามินซี
ที่จะได้จากส้ม ผล เลยทีเดียว วิตามินซีเป็นตัวช่วยให้ ร่างกายดูดซับ ธาตุเหล็ก และ
โฟเลตอันเป็นสารอาหารที่ผู้หญิงต้องการมากที่สุดได้ดีขึ้นโดยปริมาณของกีวีที่ผู้หญิง
ต้องการ ในแต่ละวันนั้นก็เพียง ครึ่งผลเท่านั้น จะให้พลังงานเพียง 46 แคลอรี่

เต้าหู้ถั่วเหลือง
เต้าหู้ถั่วเหลือง1ชิ้นจะให้ปริมาณโปรตีนสูง ยิ่งกว่านั้นในเต้าหู้ถั่วเหลืองยังมีสารที่เรียก
ว่า ฟีโตฮอร์โมน   เป็นสารที่จะช่วยให้การทำงานของฮอร์โมนเอสโตรเจน     และพวก
ต่อมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการมีประจำเดือน ของผู้หญิงทำงานอย่างเป็นปกติ   ต่อไปนี้ คุณ
คงจะต้องเพิ่มเต้าหู้ถั่วเหลือง ในมื้อใด มื้อหนึ่งของวัน

ถั่วลิสง
เป็นอาหารอีกชนิดที่อุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งนอกจากประกอบไปด้วย ใยอาหารจำนวน
มาก ที่จะช่วยให้ระบบการย่อยอาหาร ของคุณทำงาน อย่างมีประสิทธิภาพแล้วการรับ
ประทานถั่วลิสง ยังให้ประโยชน์สูงสุด ในหนึ่งมื้อ ควรจะรับประทานถั่วลิสงให้มากกว่า
7-8 กรัมขึ้นไป เพราะร่างกาย นั้นต้องการ ไฟเบอร์ถึง 25-30 กรัม ต่อหนึ่งวัน

ข้าวกล้อง
ข้าวกล้องให้ สารอาหารอันเป็น ประโยชน์แก่ร่างกาย มากกว่าข้าวขาวถึงเท่าตัว  โดย
เฉพาะ วิตามิน บี อี รวมไปถึงโฟเลต ที่เป็นสารอาหารสำคัญ ที่จะปกป้องคุณ จากการ
เป็น โรคหัวใจ ที่สำคัญ วิตามิน อี ในข้าวกล้อง ยังมีประโยชน์ ต่อการทำงาน ของร่าง
กาย หลายๆ ส่วน รวมไปถึงเรื่อง สมรรถภาพทางเพศอีกด้วย

กะหล่ำ
หรือที่รู้จักกันว่า เป็นผักต้านมะเร็ง ซึ่งนอกจากต้านมะเร็งแล้ว สารอาหารในกะหล่ำยัง
มีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูเซลล์ภายในร่างกายอีกด้วย ที่สำคัญผักกะหล่ำสามารถให้ผู้หญิง
นำไปทำได้หลายเมนู

มันฝรั่ง
แค่มันฝรั่งผลขนาดพอเหมาะ ก็สามารถให้วิตามินเอ คุณได้อย่างเพียงพอ วิตามินเอ
ที่มากับ มันฝรั่งนี้เอง จะช่วยคุณ ในเรื่องของ สุขภาพตา สุขภาพของ เส้นผม รวมไป
ถึงสุขภาพฟันให้แข็งแรง

แซลมอน
นอกจากจะเป็นอาหารที่มีไขมัน และแคลอรี่ต่ำแล้ว   แซลมอนยัง มีสารอาหารสำคัญ
อย่าง โอเมก้า อีกด้วย   นอกจากนี้ก้างปลาอ่อน ๆ ของแซลมอน ยังเป็น แหล่งแคล
เซียมที่สำคัญสำหรับผู้หญิง   เพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

 สวยด้วย ...ธรรมชาติที่หาได้ง่าย

 # มาส์กผิวนุ่มชุ่มชื้น 

ส่วนผสม  กล้วยหอมสุก ผล,   น้ำผึ้ง ช้อนโต๊ะ,   ไข่ขาว ฟอง,   ดินสอพองบด

1ช้อนโต๊ะ,   โยเกิร์ต ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ   
1. ตีไข่ขาว เทโยเกิร์ตและน้ำผึ้งลงไป  ตามด้วยดินสอพอง คนให้เข้ากันจนเนื้อเนียน
2. บดกล้วยหอมสุกจนเนื้อละเอียดเนียน    แล้วลงผสมกับส่วนผสมในข้อ 1    เมื่อได้
ส่วนผสมเรียบร้อยแล้ว จากนั้นล้างหน้าให้สะอาดทาส่วนผสมที่ได้บนใบหน้า คอและ
ไหล่ นวดเบา ๆให้ทั่ว ทาให้หนาพอควร ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นล้างออกด้วย
น้ำอุ่น (แต่ไม่อุ่นจัด)   ทำเป็นประจำประมาณ 3-4 ครั้ง / สัปดาห์   ผิวหน้าจะดูนุ่มนวล
และสดใสมากขึ้น

# มาสก์ผมนุ่มสลวย 

ส่วนผสม กล้วยหอมสุก ผล และน้ำมักมะกอก ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ บดกล้วยหอมสุกจนละเอียด เติมน้ำมันมะกอกลงไปผสมให้เข้ากัน นำส่วน
ผสม
ที่ได้พอกลงบนผมที่แห้งให้ทั่วศีรษะ   ตั้งแต่โคนจรดปลายผม  หมักทิ้งไว้ 15-30นาที
จากนั้น ล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วสระผมด้วยแชมพูตามปกติ   ควรทำสัปดาห์ละ ครั้ง
จะช่วยให้ผมนุ่มสลวยเป็นเงางาม     


# สูตรบำรุงผิวกาย    

สูตรที่่ 1 มะพร้าวบำรุงผิว   สูตรนี้เหมาะสำหรับผิวกายที่หยาบกร้านเป็นพิเศษ  เช่น
เข่า  ข้อศอก  จะช่วยให้ผิวบริเวณดังกล่าวอ่อนนุ่มขึ้น  และผิวกาย หอมกรุ่น 
ส่วนผสม  มะพร้าวขูดและถั่วอัลมอนด์บดอย่างละ ช้อนโต๊ะ ไข่แดง ฟอง โยเกิร์ต
รสธรรมชาติ 1/8 ลิตร 
วิธีทำนำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมให้เข้ากัน นำมาขัดถูผิวกายที่เปียกชื้น แล้วล้างออก
ด้วยน้ำ

สูตรที่ 2 สับปะรดและข้าวโพด ช่วยให้ผิวเรียบเนียน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันเพราะ
สับปะรดเปรียบเสมือนแอสทริงเจนต์ที่จะช่วยกระชับรูขุมขน 
ส่วนผสม  สับปะรดบดครึ่งลูก แป้งข้าวโพดครึ่งถ้วย  น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ  ผสมสับปะรดและแป้งข้าวโพดเข้าด้วยกัน   เติมน้ำมันมะกอกลงไป  คนให้ข้น
แล้ว นำมาทาทั่วผิวกายที่ยังเปียกขึ้น นวดให้ทั่ว แล้วล้างออกด้วยน้ำ


# สครับและมาส์ก 

✻  บดกล้วยครึ่งลูกและเติมน้ำผึ้ง 1 ช.ช.กับครีมเปรี้ยว 2 ช.ต. ทาส่วนผสมให้ทั่วใบ
หน้าและทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นเช็ดออกด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำชิ้น ๆ

✻  บดอัลมอนด์ 1 ช.ต.จนเป็นผงละเอียด แล้วนำมาผสมกับน้ำผึ้ง1 ช.ต.และไข่ขาว
ฟอง ทาส่วนผสมนี้ลงบนใบหน้า   ทิ้งไว้ 15 นาที เช็ดออกด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำชื้น


✻  บดอะโวคาโดครึ่งลูกและทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที และเช็ดออกด้วยผ้าขน
หนูชุบน้ำชื้น ๆ

✻  บดสตรอเบอร์รี่หนึ่งกำมือให้ละเอียด นำมาผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช.ช.  ทาส่วนผสมให้
ทั่วใบหน้า ปล่อยทิ้งไว้ 15 นาที เช็ดออกด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำชื้น ๆ

✻  ผสมข้าวโอ๊ตผงกับน้ำจนเป็นส่วนผสมข้น ๆ ทาให้ทั่วหน้าและปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง
เช็ดออกด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำชื้น ๆ  หรือจะใช้แป้งข้าวโพดผสมกับน้ำจนข้นแทนก็ได้

✻  ส้มช่วยให้ใบหน้าสดใส    เพราะมีกรดผลไม้ที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวด้านนอกให้หลุด
ออกอย่างนุ่มนวล  ลองนำเปลือกส้มที่ล้างสะอาดมาบดให้ละเอียด เติมโยเกิร์ต3ช.ต.
ข้าวโอ๊ตบด 1 ช.ต. น้ำส้ม และ  เบบี้ออยล์  อย่างละ 1 ช.ต. นวดบนใบหน้าให้ทั่วแล้ว
ล้างออก

✻  มาส์กสำหรับผิวธรรมตาและผิวที่มีรูขุมขนใหญ่ ใช้แอปเปิ้ลปอกเปลือกครึ่งลูกนำ
มาบดให้ละเอียด ผสมกับน้ำผึ้ง ช้อนชา และงาบด ช้อนชา คนให้เข้ากัน ทาให้ทั่ว
ใบหน้าและนวดเบาๆ จากนั้นล้างออก แอปเปิ้ลจะช่วยกระชับรูขุมขน  ขณะที่วิตามินซี
จากแอปเปิ้ลช่วยในการสร้างคอลลาเจน และเมล็ดงาจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เป็นขุย


# มือและเท้าเนียนนุ่ม    

       
  เราต้องใช้มือทำโน่นทำนี่ทั้งวัน จึงทำให้ผิวมือหยาบกระด้างได้ง่าย  การปก-ป้องผิวมือก็คือ  การสวมใส่ถุงมือเมื่อทำงานบ้าน   และบำรุงผิวมือสัปดาห์ละครั้ง   ใช้เวลาแค่ นาทีเท่านั้น   โดยการใช้น้ำมันอัลมอนด์ซึ่งมีวิตามินอี ทานวดมือเพื่อสลาย

ริ้วรอยย่นเล็ก ๆ จากนั้น  ซับออกด้วยกระดาษทิชชู  และกลางคืนก็บำรุงผิวมือด้วยครีม
ทามือเพื่อคงความอ่อนเยาว์ของผิวมือ
       
  เพื่อคืนความอ่อนเยาว์และทำให้มือเนียนนุ่ม  ลองใช้สูตรนี้จากน้ำตาลทรายและนม วิธีการก็คือ ผสมน้ำตาล ช.ต. กับน้ำมันโจโจบา ช.ต. และนม ช.ต. คนให้เข้ากันดีแล้วนำมานวดนิ้วมือ ฝ่ามือ และหลังมือ นาที จากนั้น ล้างออก
       
  เพื่อบำรุงเล็บและหนังข้างเล็บ หลังอาบน้ำลองใช้น้ำมันอัลมอนด์  หรือน้ำมันแอพริคอต  และวิตามินอีสักสองสามหยด (ถ้าหาได้) นวดลงบนเล็บ  และหนังข้างเล็บ 

ทิ้งไว้ไม่ต้องล้างออก
       
  เท้าต้องทำงานหนัก เมื่อถูกบีบอยู่ในรองเท้า บางครั้งก็ชื้นด้วยเหงื่อ ดังนั้นเมื่อ
กลับถึงบ้านก็ควรแช่เท้าในน้ำอุ่ที่เหยาะน้ำมันหอมระเหยกลิ่นโรสแมรี่เพื่อคืนพลังหรือ
กลิ่นมินต์เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดี   จากนั้นก็นวดเท้าด้วยน้ำมันมะกอกอุ่น ๆ กด
นวดฝ่าเท้าเบา ๆ เพื่อความผ่อนคลาย จากนั้น   ใส่ถุงเท้านอน เพื่อให้น้ำมันซึมเข้าผิว
เท้าได้ดียิ่งขึ้น
       
  หลังอาบน้ำทุกวัน ใช้เกลือทะเลหนึ่งกำมือผสมกับน้ำมันมะกอกขัดเท้าเพื่อลอก
เอาเซลล์ผิวตายด้านออกหรือใช้ส่วนผสมต่อไปนี้เพื่อดูแลผิวที่แห้งและตายด้าน สิ่งที่
คุณต้องการคือ น้ำผึ้ง ช้อนโต๊ะ กับน้ำมะนาว ช้อนโต๊ะ นำน้ำผึ้งใส่ถ้วยแช่ในน้ำอุ่น
ใส่น้ำมะนาวลงไปคนให้เข้ากัน แล้วใช้ส่วนผสมนี้ทาบริเวณที่ผิวตายด้าน เช่น เข่า หลัง
เท้า นิ้วเท้า และฝ่าเท้า ทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้น ล้างออกด้วยน้า
       
  สำหรับเท้าที่หยาบกระด้างเป็นพิเศษ ต้องปราบด้วยมะละกอและน้ำผึ้งจะช่วย
ให้ผิวนุ่มเนียนขึ้น   และยังได้สดกลิ่นหอมอ่อนๆไปด้วย สิ่งที่คุณต้องการก็คือ มะละกอ
บด ช.ต. น้ำผึ้งและน้ำตาลอย่างละ ช.ต. คนส่วนผสมทั้งให้เข้ากัน นำมาขัดเท้าทิ้ง
ไว้ นาทีแล้วล้างออก


# เส้นผมเปล่งประกาย   


         
 ผสมเมล็ดดอกทานตะวันบดหนึ่งกำมือกับน้ำเล็กน้อย แล้วนำมานวดหนังศีรษะ
และเส้นผม จากนั้น ล้างออกให้สะอาด
        
  หากผมของคุณแห้งและแข็งกระด้าง ดอกเก๊กฮวยสามารถช่วยให้ผมคุณอ่อนนุ่ม
และเปล่งประกายเงางามขึ้น ลองใช้ดอกเก๊กฮวยแห้ง 250 มิลลิกรัม นำไปต้มแล้วรอให้
เย็นลง จากนั้น ดอกไข่แดงลงไป ฟอง คนให้เข้ากัน  แล้วนำไปหมักผมที่สระแล้ว ทิ้ง
ไว้ นาทีก่อนล้างออก
        
  

ฮวงจุ้ยโต๊ะเครื่องแป้งเสริมดวง

 โต๊ะเครื่องแป้งควรตั้งอยู่ในทิศที่ดีประจำตัว โดยที่เวลาแต่งหน้าเท่ากับเราหันหน้าสู่ทิศ
ที่ดีของตัวเอง ซึ่งเป็นความหมายว่าเราได้นำเอาโชคดีมาสู่ตัวเองตั้งแต่เช้า เมื่อทำ การ
แต่งหน้าหรือในทุกครั้งที่ทำการแต่งหน้า    และยังเท่ากับเป็นการนำเอาความคิดที่ดีเป็น
มงคลมาสู่ตัวเราเองอีกด้วย

      - เพิ่มความเป็นสิริมงคลและความมีโชคลาภให้มากขึ้นได้ด้วยการติดหลอดไฟเอาไว้

ที่โต๊ะเครื่องแป้ง    ซึ่งการติดหลอดไฟถือว่าเป็นการเพิ่มหลังหยาง  หรือเพิ่มธาตุไฟ และ
โดยเฉพาะถ้าโต๊ะเครื่องแป้งตั้งอยู่ในทิศใต้   ทิศตะวันตกเฉียงใต้ หรือทิศตะวันออกเฉียง
เหนือของห้องนอนจะยิ่งเป็นมงคลและโชคดีมากขึ้น

      อีกข้อหนึ่งที่ต้องเอาใจใส่คือ    ระวังอย่าให้กระจกเงาของโต๊ะเครื่องแป้งหันตรงกับ

เตียงนอนเพราะการหันตรงกับเตียงนอนจะทำให้คู่ชีวิตมีปัญหาในเรื่องการมีบุคคลที่สาม
เข้ามาแทรกแซง ฉะนั้นจะรีบย้ายหรือหาผ้าคลุมปิดกระจกทุกคืนเมื่อเวลาจะเข้านอน



วิธีกระชับรูขุมขนแบบง่าย ๆ

สูตร 1 มะเขือเทศ

วิธีทำ  ต้องปอกเปลือกออกก่อนแล้วฝานเป็นแผ่น ๆ นำเมล็ดออก จากนั้นนำมาปั่นให้
ละเอียดหรืออาจจะขยำจน เละและไม่จับเป็นก้อน แล้วนำมาทาบนหัวสิว  ระวังอย่าให้
เข้าตา และทิ้งไว้ 10 ถึง 15 นาที แล้วล้างออก ด้วยน้ำอุ่น 
       แต่ถ้าใครลองแล้วมีอาการแสบ ๆ ละก็แสดงว่าเกิดอาการแพ้ ให้รีบล้างออกทันที


สูตร 2 ไข่ไก่ไข่ไก่   มีสรรพคุณในการช่วยกระชับผิว   กระชับรูขุมขน  เหมือนกับพวกโทนนิ่งโลชั่น 

วิธีทำ   ให้ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดก่อน หรืออาจจะใช้น้ำนมก็ได้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้
ผิวสดชื่น  จากนั้นตอกไข่ ใส่ชาม  แยกไข่ขาวออกจากไข่แดง ใช้เฉพาะไข่ขาวทาบน
ใบหน้า ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นจากนั้นก็ ทามอยส์เจอไรเซอร์ปิดท้าย



จัดการ "สิวเสี้ยน" อย่างไรให้อยู่หมัด

       1. ล้างหน้าวันละ ครั้ง โดยเฉพาะเวลากลางคืนต้องเน้นให้มาก เพื่อขจัดความ
มันและสิ่งสกปรกให้เกลี้ยงจริง ๆ  ควรใช้โฟมล้างหน้า  ที่มีส่วนผสมของเม็ดบีตส์ เพื่อ
ขจัดสิวเสี้ยนได้อย่างหมดจด
       2. เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีOil-Free เวลาเลือกซื้อต้องมองหาประเภทNon-
Coraedogenic หรือOil-Free    ซึ่งหมายถึง เอามาทาบนหน้าแล้วไม่อุดตันรูขุมขนจน
เกิดสิ้วเสี้ยนในที่สุด
       3. อย่าใช้นิ้วหรือมือบีบสิวเสี้ยนตลอดเวลา เพราะน้ำมันจากมือจะยิ่งไปเร่ง ให้
แบคทีเรีย บริเวณนั้นขยายวงกว้าง   ทำให้อาการยิ่งแย่ขึ้น ไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ
และเพิ่มปริมาณสิว แถมอาจทำให้เกิด แผลเป็นด้วย



เก๋ากี้ ปรุงให้เป็น ..บำรุงสายตาได้ดี

 เก๋ากี้ ผลไม้แห้ง สีแดง ลักษณะคล้ายผลองุ่นแห้ง มักใส่ในแกงจืดหรือเครื่องตุ๋น มีธาตุ
เป็นกลาง บำรุงเลือด ไตและสายตา   ช่วยทำให้ผมดำ บำรุงผิวพรรณ ทำให้ร่างกายกระ
ฉับกระเฉง เป็นยาอายุวัฒนะ มักจะใช้กับคนที่ ไม่มีแรงอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ ตามัวปว
เมื่อยเอว  ปวดเข่า  ประจำเดือนไม่ปกติ ไอเรื้อรัง เลือดจาง และมีอาการตับและไตอ่อน
แอ มีสารกลุ่มฟีโนลิค และโพลีแซคคาไรด์  ที่มีสรรพคุณในการต้านอนุมูลอิสระ  ชะลอ
วัยชรา ช่วยในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย นอกจากนี้ ในเก๋ากี้ ยังมี กรดอะมิโน18
ชนิด  แร่ธาตุที่สำคัญ ได้แก่ สังกะสีเหล็กทองแดง,แคลเซียม,เจอมันเนียม,เซเรเนียม
และฟอสฟอรัส มีโปรตีนมากกว่าโฮลวีต มีวิตามิน ซี เอ และบี 
       
          ดังนั้น วิธีการทานเก๋ากี้ให้ได้สรรพคุณที่ดี ควรใส่เก๋ากี้เป็นเครื่องปรุงสุดท้าย ก่อน
จะยกลงจากเตาไม่แนะนำให้เอาเก๋ากี้ ไปต้มหรือตุ๋นจนเปื่อย 

           นอกจากนี้ ในผู้ที่มีปัญหาในการมองเห็น เช่น ตาบอดกลางคืนน้ำตาแห้ง หรือตา
พร่ามัว  อาจจะใช้เก๋ากี้แห้ง ทานวันละ กำมือ ของผู้ป่วยเป็นเวลา อาทิตย์ จะสังเกตุ
เห็นว่าอาการ น้ำตาแห้ง หรือประสิทธิภาพในการมองเห็นจะดีขึ้น



ปรับ-เพิ่ม-เปลี่ยน เพื่อผลที่ดีกว่า    
  
ปรับวิธีแปรงฟัน
        อย่าเพิ่งใช้ยาสีฟันในการแปรงฟันตั้งแต่แรก ให้แปรงฟันด้วยแปรงเปล่าๆ ไปก่อน
สักพักหนึ่ง จนรู้สึกว่าฟันสะอาดขึ้น จากนั้นค่อยใช้ยาสีฟันแปรงฟันอีกประมาณ 1นาที
จึงค่อยล้างปากเพราะรสชาติของยาสีฟันจะทำให้ลิ้นชารวมทั้งทำให้รู้สึกว่าฟันสะอาด
เกินความเป็นจริง โดยผลการวิจัยพบว่า  การแปรงฟันด้วยแปรงเปล่าๆ   ช่วยลดอาการ
เลือดออกตามไรฟันได้ถึง 55% และช่วยลดการเกิดหินปูนรอบๆ ฟันได้มากถึง 65%

เพิ่มกาแฟให้อาหารกลางวัน
        หากปกติคุณดื่มกาแฟเฉพาะตอนเช้าหรือช่วงบ่าย ลองหันมาดื่มกาแฟหลังอาหาร
กลางวันบ้าง เพราะผลการวิจัยจากบราซิลและฝรั่งเศสพบว่า กาแฟทั้งชนิดที่มีกาเฟอีน
และไม่มีกาเฟอีนช่วยให้น้ำตาลในเลือดลดลง ทำให้เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานลดลง 34%
โดยการดื่มกาแฟในเวลาเที่ยงของวันจะเป็นผลดีมากที่สุด

เพิ่มธรรมชาติให้ชีวิตสัก นาที
        ผลการวิจัยพบว่าระหว่างวันทำงาน หากได้ออกไปนั่งพักท่ามกลางธรรมชาติโดย
เฉพาะต้นไม้สีเขียวบ้างจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดได้ และถ้าสามารถได้
เห็นต้นไม้สีเขียวและได้ยินเสียงน้ำไหลไปพร้อมๆ กัน จะยิ่งส่งผลดีเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ช่วงเวลาที่จะทำให้อารมณ์ดี ผ่อนคลายความเครียดได้นั้นคือช่วง นาทีแรกที่คุณได้
สัมผัสกับธรรมชาตินั่นเอง    และแม้ว่าการที่คุณอยู่กับธรรมชาตินานขึ้นจะเป็นผลดีต่อ
อารมณ์ของคุณมากขึ้น แต่ก็ในระดับที่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับในช่วง นาทีแรก

เปลี่ยนมาใช้ซอสถั่วเหลือง
        การทานเกลือหรือน้ำปลามากเกินไปไม่เป็นผลดี    โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อ
ความดัน
โลหิต ซึ่งมีส่วนที่ทำให้เสี่ยงเป็นโรคร้ายอีกหลายโรค วิธีที่จะช่วยลดการทานเกลือหรือ
น้ำปลามากเกินไป คือ เปลี่ยนมาใช้ซอสถั่วเหลืองแทน  เพราะซอสถั่วเหลืองช่วยดึงรส
เค็มในอาหารออกมา   ดังนั้น   การเติมซอสถั่วเหลืองเพียงเล็กน้อยก็ช่วยให้อาหารมีรส
เค็มอย่างที่ต้องการแล้ว


กินไข่..แค่ไหนถึงดีพอ

ควรบริโภคไข่ ฟอง ต่อสัปดาห์ 

         ใน สัปดาห์ หากสามารถกินไข่ได้ ฟอง ถือว่าพอดี เพราะไข่จะช่วยให้ร่างกาย
ดูดซึมแคลเซียมได้ดี และยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน แถมปริมาณ
สารซีลีเนียมและวิตามินอี ในไข่ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจอีกทั้งยังช่วยให้มีรูปร่างดี ป้อง
กันไม่ให้หุ่นกลมเหมือนไข่อีกด้วย

        
   โปรตีนในไข่จะทำให้รู้สึกอิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ และยังทำให้ลดปริมาณมื้อเที่ยง
ที่ทานโดยเฉลี่ยได้อีก 164 แคลอรี และการทานไข่วันละ ฟอง เป็นเวลา วัน ต่อสัป
ดาห์ จะช่วยหนุ่มนักเล่นเวททั้งหลายสร้างกล้ามเนื้อที่ปราศจากไขมันได้ เป็น เท่า ใน
ช่วงเวลา 12 สัปดาห์

        
   ไข่  ถือว่ามีผลน้อยมากต่อการเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือด    เมื่อเทียบกับ
ปริมาณไขมันอิ่มตัว อีกทั้งมีการวิจัยพบว่าการทานไข่ช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL (ตัว
ไม่ดี) เพิ่มคอเลสเตอรอล HDL (ดี) และลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจวาย หรือโรค
หลอดเลือดสมองได้

          อย่างไรก็ตาม ไข่ที่ให้ผลดีต่อร่างกาย อาจส่งผลร้ายได้เหมือนกัน หากทานมาก
กว่า ฟองต่อวันติดกันทุกวันในขณะที่การทานไข่สูงสุด ฟองต่อสัปดาห์ไม่ได้ทำให้
มีอันตรายถึงชีวิต    แต่หากทานไข่ ฟองหรือมากกว่านั้นภายใน สัปดาห์  จะไปเพิ่ม
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ 23 เปอร์เซ็นต์ และที่สำคัญคือสำหรับหนุ่มที่
เป็นเบาหวานอยู่แล้ว ไข่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้



ขอบคุณ...ที่มาข้อมูลความรู้จากเว็บไซต์ทุก ๆ เว็บ